Nike Pegasus Turbo Next Nature เป็นการกลับมาอีกครั้งของรองเท้าวิ่งตระกูล Pegasus Turbo ที่นักวิ่งหลายๆ คนรอคอย เพราะถือว่าห่างหายไปนานประมาณ 3 ปีเลยทีเดียวกับรองเท้าวิ่งตระกูลนี้
Nike Zoom Pegasus Turbo ได้ถูกเปิดตัวออกมาครั้งแรกในปี 2018 โดยพัฒนาต่อยอดจากรองเท้าวิ่งแข่งขันทำความเร็ว Nike Zoom Vaporfly 4% ซึ่งจะเป็นการถอดแผ่นคาร์บอนออกและมีการใช้โฟม ZoomX ร่วมกับโฟม React ที่จะมอบความนุ่มการตอบสนองที่ดี และมีน้ำหนักที่เบา ต่อมาในปี 2019 ก็ได้มีการปล่อย Nike Zoom Pegasus Turbo 2 ออกมา ในปี 2020 การมาของ Nike Air Zoom Tempo NEXT% ทำให้รองเท้าวิ่งใส่ซ้อมทำความเร็วอย่าง Pegasus Turbo หายหน้าไป ซึ่งก็รวมถึง Nike Zoom Fly ด้วย (แต่พอ Zoom Fly 4 มา Zoom Fly 5 ก็ตามมาติดๆ) และการกลับมาครั้งนี้ก็มาในรูปแบบรักษ์โลกตามคอนเซ็ปท์ Move to zero โดยการนำวัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 50% ของน้ำหนักรองเท้า
ใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 50% ตามน้ำหนัก และแถบตรงกลางแบบ Pegasus Turbo
อัปเปอร์ของ Pegasus Turbo Next Nature ใช้ผ้าถัก Flyknit ที่เป็นผ้าถักรีไซเคิลมาใช้งาน และรองเท้าวิ่งรุ่นนี้จะมีรูปทรงแบบบูตตี้ เป็นการสวมเท้าเข้าไปเหมือนถุงเท้า แต่จะมีการดีไซน์ที่เหมือนรองเท้าทั่วไปโดยมีการยกแถบรูร้อยเชือกขึ้นมา
ลิ้นรองเท้าจะเป็นผ้าถักที่มีความยืดหยุ่นเพื่อให้กระชับเข้ากับหลังเท้าและมีรูระบายอากาศสำหรับการระบายความร้อนของเท้าซึ่งลิ้นรองเท้าก็จะมีการเย็บติดเข้ากับตัวรองเท้า จึงทำให้เวลาสวมก็จะเป็นการสวมในลักษณะสวมถุงเท้าแทน แต่ภายในรอบๆ ข้อเท้าจะมีการบุฟองน้ำเพื่อให้มีความกระชับและตรงภายในส้นเท้าก็จะมีแผ่น Heel Counter แข็งๆ วางอยู่
พร้อมกันนี้ยังมีการเส้นโครงสร้างเสริมขึ้นมาด้านข้างของอัปเปอร์เพื่อเสริมความแข็งแรงและยังเชื่อมเข้ากับระบบเชือกอีกด้วย และที่สำคัญแถบคาดตรงกลางเท้าที่เป็นสัญลักษณ์ของ Pegasus Turbo รุ่นแรก ได้กลับมาแล้ว ถึงแม้จะไม่เด่นเท่ารุ่นแรกก็ตาม
ในส่วนของพื้นชั้นกลาง จากเดิมที่มีการใช้งานโฟม ZoomX ชั้นบนและ React ชั้นล่างมาประกบกัน ในรุ่นนี้ก็จะมีการนำเศษโฟม ZoomX ที่เหลือจากการผลิตรองเท้าวิ่งรุ่นหลักมาบีบอัดใหม่ จึงทำให้มีดีไซน์ที่ดูแหว่งๆ ตามพื้นชั้นกลาง และใช้โฟม SR-02 มาประคองชั้นนอก และมีท้ายยื่นเหมือนรุ่นที่ผ่านๆ มา
ส่วนพื้นชั้นนอกก็เป็นยางทำจากวัสดุรีไซเคิล มาในดีไซน์พื้นวาฟเหิลอันเป็นเอกลักษณ์ของรองเท้าวิ่งไนกี้ โดยจะมีการใช้งานที่หน้าเท้าและส้นเท้าแยกกันแบบชัดเจน
การกลับมาของ Pegasus Turbo ครั้งนี้ได้นำดีไซน์เอกลักษณ์ของ Pegasus Turbo กลับมาด้วยการใช้แถบตรงกลางเท้าที่ยาวตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจนถึงลิ้นรองเท้า แต่ดูเหมือนว่าจะมีความหนาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยและดูตันๆ ขึ้นอีกนิด โดยรุ่นนี้จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 270 กรัมในไซซ์ 10US ผู้ชาย ดรอป 10 มม.
ความรู้สึกและประสิทธิภาพในการสวมใส่
มาเริ่มที่อัปเปอร์กันก่อน จากที่เห็นรูปทรงก็ยังถือว่ามีความเหมือนกับ Pegasus Turbo อยู่ เป็นการสวมเข้าไปลักษณะบูตตี้ ซึ่งภายนอกตัวผ้าถัก Flyknit ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลนั้นจะให้ความรู้สึกแข็งกระด้าง แต่พอใส่ไปสักพักก็เริ่มดีขึ้น (แต่ก็ไม่มาก ยังถือว่ายังแข็งอยู่) ส่วนรอบๆ ข้อเท้าด้านในก็มีการบุฟองน้ำให้ความนุ่มและกระชับล็อคส้นเท้าได้ดี วิ่งแล้วไม่มีหลุด
โครงสร้างด้านข้างที่ทำมาช่วยเสริมความแข็งแรงที่เชื่อมติดกับระบบเชือกก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่ก็ถือว่าทำหน้าที่ให้ความกระชับตรงกลางเท้าได้ดี และถึงแม้หน้าตาจะดูบวมขึ้น ก็ยังสามารถใส่ตรงไซซ์ได้อยู่ แต่ก็ต้องระวังเรื่องความแข็งของแถบตรงกลางเท้า หากใส่ถุงเท้าบางจะรู้สึกถึงความแข็งของหน้าผ้าได้เลย
จากที่มีการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ โดยใช้ ZoomX scrap หรือเศษโฟม ZoomX ที่เหลือจากการผลิตรองเท้าวิ่งรุ่นอื่นๆ โดยการนำมาบีบอัดใหม่พร้อมกับใช้โฟม SR-02 โฟมเกรดต่ำที่สุดมาครอบอีกที แน่นอนว่าจะทำให้รองเท้าวิ่ง Pegasus Turbo Next Nature คู่นี้มีความรู้สึกที่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อเราได้ลองสวมใส่ออกวิ่งครั้งแรก สิ่งที่รู้สึกได้ก็คือความนุ่ม เป็นความนุ่มของ ZoomX แต่ก็ไม่ได้ยวบมาก และไม่ได้รู้สึกมีความควบแน่นเท่ากับ ZoomX แบบปกติ อาจจะด้วยความหนาของพื้นและมีโฟม SR-02 ที่ครอบอยู่จึงทำให้ ZoomX ยังอยู่กับร่องกับรอย และจังหวะวิ่งก็ยังมีแรงส่งคืนของ ZoomX ส่งกลับมานิดๆ แต่ไม่ได้มีมากเท่ารุ่นก่อนๆ แล้ว
การออกแบบส้นเท้ายื่นออกมาก็จะช่วยในเรื่องการรองรับแรงกระแทกในจังหวะที่ลงเท้า ซึ่งก็ถือว่าพื้นที่หนาขึ้นก็จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการรองรับแรงกระแทกได้ดีกว่า Pegasus Turbo รุ่นเดิมๆ ได้อยู่หน่อย
ส่วนพื้นชั้นนอกลายวาฟเฟิลอันเป็นเอกลักษณ์ของรองเท้าวิ่งตระกูล Pegasus ก็ยังให้การยึดเกาะที่ดี ไม่ลื่นไถล แต่ก็ไม่ได้เหนียวหนึบอะไรมากนัก เพียงพอต่อการใช้งานวิ่งถนนทั่วไปแล้ว
แต่ทว่าการปรับเปลี่ยนเซ็ตอัพระบบใหม่นั้น ส่งผลให้ไม่ได้มีความเป็น Pegasus Turbo แบบเดิมๆ แล้ว ด้วยความหนาและน้ำหนักของรองเท้าที่เพิ่มมาเป็นน้ำหนักรองเท้าวิ่งทั่วไป จึงทำให้ความเบาที่มีส่วนให้ช่วยยกเท้า สับเท้าได้เร็วขึ้นใน Pegasus Turbo ก่อนหน้านั้นหายไป แต่ว่าก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่ ยังคงเป็นรองเท้าวิ่งที่ให้ฟีลลิ่งที่นุ่มและมีแรงส่งคืนกลับมาที่ดีอยู่ เพียงแต่ความรู้สึกของ Pegasus Turbo นั้นหายไปมากกว่า
สรุป Nike Pegasus Turbo Next Nature ดีไหม? เหมาะกับใคร?
ส่วนตัวมองว่าการกลับมาของ Pegasus Turbo Next Nature ครั้งนี้ ไม่ได้กลับมาให้ความรู้สึกเดิมๆ อีกต่อไป เหมือนเป็นคนใหม่ ที่เราต้องทำความรู้จักใหม่ แต่ยังมีหน้าตาที่คล้ายเดิมและรักษ์โลกมากขึ้น และอย่างที่กล่าวไปด้านบนว่าด้วยน้ำหนักและความหนาที่เพิ่มขึ้นจึงไม่สามารถทำให้สับเท้าได้สนุกเท่าแต่ก่อน แต่ก็ยังใส่วิ่งทั่วไปได้อย่างสนุก พื้นหนานุ่มกำลังดี และน้ำหนักของรองเท้าที่มาเป็นน้ำหนักรองเท้าวิ่งทั่วไป สามารถใส่วิ่งในทุกๆ วันเป็น Daily Trainner ได้ และยังเอาลงซ้อม Tempo, Interval ก็ยังไหว
ใครที่กำลังมองหารองเท้าวิ่งที่มีน้ำหนักกลางๆ ไม่หนักและไม่เบาเกินไป อยากเอามาใส่ซ้อมในทุกๆ วัน เราว่า Pegasus Turbo Next Nature นี่ก็เหมาะสมอยู่นะ แถมดีไซน์ก็ถือว่าสวยงามใช้ได้อยู่ ใครสนใจก็ไปที่ร้าน Nike ของ Iam247 จัดกันมาได้เลย ราคา 5,600 บาท
ข้อมูลรองเท้า
- อัปเปอร์ผ้าถัก Flyknit จากวัสดุรีไซเคิล
- พื้นชั้นกลางโฟม SR-02 ครอบโฟม ZoomX ที่เหลือจากการผลิตมาผสมกันใหม่
- ยางพื้นชั้นนอกลายวาฟเฟิล
- ดรอป 10 มม.
- น้ำหนัก 270 กรัม ไซซ์ 10US ผู้ชาย
—————————–
อย่าลืมกดติดตาม กดไลค์เพจ SNKR TODAY และกด Favorite ใส่รายการชื่นชอบไว้จะได้ไม่พลาดในการติดตามข่าวสารรองเท้ารุ่นใหม่ๆ 👟👟👟
ติดตามวิดีโอรีวิวรองเท้ารุ่นต่างๆ ได้ที่ https://www.youtube.com/snkrtoday
อ่านข่าวในรูปแบบเว็บไซต์ได้ที่ https://snkrtoday.com