อาดิดาส เปิดตัวรองเท้าวิ่ง adidas Adizero Adios Pro Evo 2 ที่มาพร้อมกับวิวัฒนาการของเทคโนโลยีที่พัฒนาประสิทธิภาพในการใช้งานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักวิ่งสามารถพุ่งทะยานข้ามขอบเขตความเร็วของตนเองไปสู่เส้นชัยได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม หลังจากที่ Adizero Adios Pro Evo 1 หรือรุ่นก่อนหน้านี้ เคยพาบรรดานักวิ่งระดับแชมเปี้ยนไปพิชิตสถิติที่ดีที่สุดมาแล้วในการแข่งขันเบอร์ลิน มาราธอน เมื่อปี 2023 รวมถึงการพิชิตสถิติโลกทั้งหมด 3 ครั้ง และการคว้าชัยชนะในการแข่งขันวิ่งถนนที่เป็นรายการใหญ่ๆ กว่า 30 ครั้ง รวมถึงการสร้างสถิติที่ดีที่สุดของประเทศ 7 ครั้งและการสร้างสถิติที่ดีที่สุดในการแข่งขันโอลิมปิก รองเท้าวิ่ง Adizero Adios Pro Evo 2 กลับมาพร้อมกับโฉมใหม่ที่เน้นประสิทธิภาพและความเร็วในการวิ่ง พร้อมกับเทคโนโลยีที่ได้รับการต่อยอดเพื่อการทำลายสถิติทุกสนามแข่งขันเหมือนอย่างที่ Adizero Adios Pro Evo 1 เคยจารึกความสำเร็จบนหน้าประวัติศาสตร์ พื้นรองเท้าบริเวณปลายเท้ามีการปรับความหนาขึ้น 10% สามารถคืนพลังงานให้กับผู้สวมใส่ได้เพิ่ม 5% โดยไม่ทำให้น้ำหนักรวมของรองเท้ามากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ รองเท้าวิ่ง Adizero Adios Pro Evo 2 จะลงสู่สนามแข่งขันร่วมกับบรรดานักวิ่งระดับแนวหน้าของโลกในการแข่งขันทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2568 เป็นต้นไป สำหรับรองเท้าวิ่ง Adizero Adios Pro Evo 2 ได้รับการพัฒนาเพื่อส่งพลังงานคืนให้กับนักวิ่ง ทำให้สามารถเร่งความเร็วในวันแข่งขันได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม ด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับการต่อยอดเพื่อให้นักวิ่งที่สวมใส่สามารถชิงความได้เปรียบเหนือคู่แข่งขันดังนี้ พื้นรองเท้าชั้นกลางแบบใหม่ – ด้วยพื้นรองเท้าชั้นกลาง LIGHTSTRIKE PRO EVO ที่มีความหนาตรงบริเวณปลายเท้าที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึง 3 มิลลิเมตร ส่งผลให้ความสูงหน้าเท้าเพิ่มขึ้นเกือบ 10% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ โดยผลการทดสอบในห้องทดลองพบว่า Adizero Adios Pro Evo 2 จะช่วยเพิ่มการคืนพลังงานให้กับนักวิ่งได้มากกว่า Adizero Adios Pro Evo 1 ถึง 5% พื้นรองเท้าชั้นนอกแบบใหม่ – Adizero Adios Pro Evo 2 มีการวางรูปแบบของพื้นรองเท้าชั้นนอกที่บริเวณปลายเท้าให้สามารถยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดียิ่งขึ้นในจังหวะที่เท้าสัมผัสกับพื้น รวมถึงรูปทรงของรองเท้าที่ออกแบบมาในทรง Rocker ประมาณ 60% ของความยาวรองเท้า เช่นเดียวกับ Adizero Adios Pro Evo 1 แพททริค นาวา (Patrick Nava) ตำแหน่ง VP Product, Running & Credibility Sports ของ adidas Running กล่าวว่า “สำหรับขั้นตอนการออกแบบรองเท้ารุ่นนี้ถือว่ามีความท้าทายแต่ก็คุ้มค่าแก่ความพยายามในที่สุด นั่นเพราะว่าเราจะต้องหาวิธีการสร้างรองเท้าที่เร็วยิ่งกว่ารองเท้าวิ่งที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา โดยไม่ทำให้น้ำหนักรวมของรองเท้าเพิ่มขึ้น ซึ่งรองเท้าวิ่ง Adizero Adios Pro Evo 2 มีจุดเริ่มต้นมาจากความพยายามในการแสวงหาความเร็วอันเป็นที่สุดอย่างต่อเนื่อง ผ่านการปรับแต่งและการทดลองอย่างเข้มข้นตั้งแต่ที่ค่ายฝึกหลายๆ แห่งในเมืองอิเตน ประเทศเคนยา จนถึงห้องทดลองของเราในเมืองเฮอร์โซเกอนอรัค เราได้ร่วมมือกับโยมิฟ เคเจลชา นักวิ่งระดับอิลิทที่เคยครองตำแหน่งสถิติที่ดีที่สุดของโลก ในการพัฒนารองเท้าวิ่งที่สามารถคืนพลังงานให้กับนักวิ่งได้มากขึ้น และทำให้การประหยัดพลังงานในการวิ่ง (Running Economy) มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เราเชื่อว่าตอนนี้เราได้มอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้กับนักวิ่งแล้ว ซึ่งเราก็กำลังรอชมผลงานของรองเท้าวิ่งที่เร็วที่สุดเท่าที่เราเคยสร้างขึ้นมาออกไปโลดแล่นในสนามแข่งขันมาราธอนในปีนี้” ทิกิสต์ อัสเซฟา (Tigist Assefa) นักวิ่งระดับอิลิทของอาดิดาส กล่าวถึงรองเท้าคู่นี้ว่า “ในฐานะที่เคยทำลายสถิติโลกในการแข่งขันมาราธอนประเภทหญิงด้วยรองเท้าวิ่ง Adizero Adios Pro Evo 1 ฉันจึงรู้สึกตื่นเต้นและอยากลองใส่รองเท้าวิ่ง Adizero Adios Pro Evo 2 คู่นี้แล้ว เพราะรองเท้าวิ่งคู่นี้ให้ความรู้สึกที่เบาอย่างไม่น่าเชื่อ และยังความเด้งและช่วยคืนพลังงานให้อีกด้วย ฉันจึงรู้สึกสบายและมั่นใจ สามารถทุ่มเทเต็มที่เพื่อทำให้การแข่งขันออกมาดีที่สุด” รองเท้าวิ่ง Adizero Adios Pro Evo 2 มีรูปทรงที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้านี้ และการออกแบบที่มีความสวยงาม ดูเรียบง่าย ตกแต่งด้วยสีเงินและเติมความโดดเด่นด้วยแถบเส้นสีแดง 3 เส้น เพื่อสะกดทุกสายตาในขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง รองเท้าวิ่ง Adizero Adios Pro Evo 2 จะวางจำหน่ายในประเทศไทยในเร็วๆ นี้ ติดตามการวางจำหน่ายและรายละเอียดเพิ่มเติมของรองเท้าวิ่ง Adizero Adios Pro Evo 2 ได้ที่เฟซบุ๊ก www.facebook.com/adidasTH อินสตาแกรม @adidasthailand และติ๊กต็อก @adidas_th หรือแฮชแท็ก #Adizero
ไนกี้ เปิดตัว Nike Ja 3 รองเท้าบาสเกตบอลซิกเนเจอร์รุ่นใหม่ Ja Morant ที่มาพร้อมกับโฟม ZoomX และเผยโฉมในเกมอย่างเป็นทางการกับเกมแรกของเพลย์ออฟ 2025 ที่ Grizzlies จะพบกับ Thunder โดยจะมาในคู่สี "Max Volume" เป็นสีแรก Ja 3 ถูกออกแบบมาจากคอนเซ็ปท์ "Scratch" ซึ่งได้มีการใช้งานมาตั้งแต่รองเท้าบาสเกตบอลซิกเนเจอร์ของ Ja มาตั้งแต่รุ่นแรก ซึ่งในรุ่นนี่จะมีความชัดเจนมากขึ้นด้วยการใช้ TPU นูนที่ต่อกันด้วยโลโก้ JA วางเรียงกันต่อกันบนอัปเปอร์ผ้าตาข่ายเชื่อมกันกับยางพื้นชั้นนอกจนเป็นรอยข่วน ทั้งนี้ยังมีการใช้ Swoosh แทนที่ตัวอักษร J และใช่การวางเรียงเป็นสามเหลี่ยมแทนตัว A ที่ช่วงตรงการเท้าด้านนอกอีกด้วย ด้านเพอร์ฟอร์แมนซ์ ได้มีการปรับเซ็ตอัพใหม่ ใช้โฟม ZoomX ที่มีความนุ่มแน่นตอบสนองดีมาในรูปแบบเต็มความยาวเท้าวางชั้นบนส่วนชั้นล่างจะเป็น ZoomX scrap ที่เป็นการรีไซเคิลเศษโฟม ZoomX ที่เหลือจากการผลิตมาผสมจนเป็นแผ่นใหม่ โดยส่วนนี้จะให้ความแน่นเฟิร์มมากกว่าโฟม ZoomX ปกติ ดูแล้วน่าจะได้เรื่องความรุ่มและการตอบสนองที่ไวใน Ja 3 รุ่นนี้ พื้นชั้นนอกก็จะเป็นการวางเรียงโลโก้ JA ให้ดูในลักษณะก้างปลา Harringbone ดูแล้วก็น่าจะยึดเกาะได้ดี แถมยังมีการดีไซน์เสริมขึ้นไปด้านข้างเท้าพื้นชั้นกลางที่ดีไซน์ต่อกับ TPU ของอัปเปอร์ ส่วนนี้ก็น่าจะช่วยในเรื่องของการยึดเกาะในจังหวะครอสโอเวอร์เช่นกัน ซึ่งดีไซน์ที่ดูลุยๆ, ลายข่วนหนาๆ นี้เป็นความต้องการของ จา โมแรนท์ ที่บอกกับทีมดีไซน์ ว่าจัดเต็มไปได้เลย เพราะต้องการความแตกต่าง Nike Ja 3 คาดว่าจะวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2025 ซึ่งอาจจะตรงกับช่วงก่อนเปิดถดูกาล NBA 2025-26 ซึ่งการเปิดตัวรุ่นใหม่ครั้งนี้ ถือเป็นการทำให้ Life cycle ของ Ja 2 สั้นอยู่เหมือนกันนะเนี่ย ที่มา House Of Heat
UNIQLO ร่วมฉลองวันคุ้มครองโลก (Earth Day) ในวันอังคารที่ 22 เมษายนนี้ เปิดให้บริการซ่อมแซมเสื้อผ้าเก่าของยูนิโคล่ ฟรี!
พาชมภาพร่างและโครงสร้างของ adidas Adizero Boston 13 รองเท้าวิ่งใส่ซ้อมทำความเร็วพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันแข่งขันรุ่นใหม่ล่าสุด
อาดิดาส เปิดตัวรองเท้าวิ่ง adidas Adizero Boston 13 รุ่นล่าสุดในตระกูลรองเท้าวิ่งทำความเร็ว ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาระดับความเร็วคงที่
PUMA แบรนด์กีฬาระดับโลก เปิดตัว Fast-R NITRO Elite 3 อย่างเป็นทางการ รองเท้าวิ่งที่จะช่วยให้คุณทำความเร็วได้ดีที่สุดจากแบรนด์
© 2018 SNKR TODAY