รีวิว On Cloudboom Echo รองเท้าวิ่งตัวท็อปของค่าย รอบขานิ่ง ควงขาสนุก ไปได้แบบไหลลื่น

หลังจากที่ได้แกะกล่อง พรีวิว พาชมรองเท้าวิ่งตัวท็อปของค่าย On Cloudboom Echo กันไปเรียบร้อย และหลังจากที่ได้ใส่วิ่งมาสักพัก ก็ถึงแก่เวลาที่จะมาเล่าความรู้สึกในการสวมใส่และความคิดเห็นส่วนตัว ชอบไม่ชอบตรงไหน สำหรับรองเท้าวิ่งรุ่นนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามรีวิวกันครับ

ถ้าไม่อยากอ่าน เชิญรับชมคลิปวิดีโอรีวิวรองเท้าวิ่งคู่นี้ได้เลย

ประสิทธิภาพและการสวมใส่ On Cloudboom Echo

รองเท้าวิ่ง Cloudboom Echo รุ่นนี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นพื้นชั้นกลาง Helion ที่มาในรูปแบบ CloudTec อันเป็นเทคโนโลยีหลักของ On ที่มาในรูปแบบที่หนาขึ้น และมีแผ่น Speedboard ที่มีส่วนผสมของคาร์บอน (Carbon-fiber infused) รูปทรง Rocker-Shaped ปลายเท้าโค้งชัดเจน และอัปเปอร์ผ้าตาข่าย Engineered Mesh วัสดุโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 100% สุดบางเบา และทั้งหมดทั้งมวลมีน้ำหนักที่เบาขึ้นว่า Cloudboom รุ่นปีที่แล้วเล็กน้อย ในรุ่นนี้จะมีน้ำหนักที่ 236 กรัมต่อข้างในไซส์ 10US ดรอป 9 มม.

สำหรับความรู้สึกในการสวมใส่รองเท้าวิ่งระดับท็อปรุ่นใหม่นี้ ต้องบอกได้เลยว่าให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม ไม่มีอีกแล้วความรู้สึกบางกรอบจากรุ่นที่แล้ว เนื่องจาก Cloudboom Echo นี้ได้เพิ่มความหนาของพื้นที่มากขึ้นทำให้รู้สึกถึงความนุ่มเด้งที่มากขึ้น ด้วยพื้นโฟม Helion ที่มาในรูปแบบ CloudTec รูปก้อนเมฆในบริเวณช่วงกลางเท้าจนไปถึงส้นเท้า (พื้นสีเขียว) ทำให้มีการซัพพอร์ตที่มากขึ้นอีกด้วย

ความรู้สึกแรกในการสวมใส่ออกวิ่ง จะให้ความรู้สึกเฟิร์มแน่น ซึ่งตามปกติรองเท้าวิ่งของ On ก็จะให้ความรู้สึกแนวๆ นี้อยู่แล้ว แต่พอใส่ครั้งที่ 2, 3 เหมือนโฟมได้มีการนวด ก็รู้สึกถึงความนุ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกนุ่มใต้ฝ่าเท้าอะไรขนาดนั้น เพราะว่ารองเท้าวิ่งรุ่นนี้จะมีแผ่น Speedboard ที่มีส่วนผสมของคาร์บอนวางอยู่ระหว่างพื้นชั้นกลางโฟม Helion เวลาลงเท้าเราจะรู้สึกถึงแผ่นคาร์บอนก่อน แล้วจะพบถึงการยุบตัว ลดแรงกระแทกและเด้งส่งกลับมา

ด้วยความที่แผ่น Speedboard รูปทรงโค้ง Rocker-Shaped และวางอยู่ต่ำใกล้พื้น ทำให้เวลาเราวิ่ง ในจังหวะที่ลงเท้าและปล่อยไปตามทรงของพื้นในจังหวะที่ไหลมาเจอช่วยหน้าเท้าที่มีความแข็งพอประมาณก็จะช่วยให้พื้นไม่ยุบจนเกินไปและทำให้มีแรงผลักไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ซึ่งเวลาที่เราวิ่งก็จะรู้สึกถึงความสมูทลื่นไหล รอบขานิ่ง ควงขาสนุกไม่ติดขัด และตรงนี้เองก็จะช่วยให้เราประหยัดแรง สามารถไปได้เรื่อยๆ เพียงแต่เรารู้สึกว่าการเร่งความเร็วจะต้องออกแรงมากกว่ารองเท้าวิ่งแผ่นคาร์บอนรุ่นอื่นๆ สักหน่อย น่าจะเป็นเพราแผ่น Speedboard ที่อาจจะไม่แข็งมาก เลยไม่ค่อยมีแรงดีดสักเท่าไรนัก และตัวพื้นชั้นกลางที่เป็นรูปก้อนเมฆที่มีการยุบตัวเพื่อดูดซับแรงกระแทกทำให้เหมือนมีอาการจมๆ สักเล็กน้อย แต่ส่วนตัวคิดว่ากำลังดี ชอบเลย เพราะไม่สะเทือนร่างกายมากนัก หลังจากวิ่งเสร็จก็ไม่ได้รู้สึกปวดหลังหรือปวดขาเหมือนรองเท้าวิ่งแผ่นคาร์บอนรุ่นอืนๆ สักเท่าไรนัก

และใครที่วิ่งลงส้นเท้าหรือกลางเท้าก็จะพบกับความนุ่มและความยุบตัวที่มากขึ้น อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าเวลาลงเท้าจะรู้สึกถึงการจมของตัวโฟมสักครู่นึงและก็จะมีแรงส่งคืนกลับมาพร้อมกับไหลไปที่ปลายเท้า ใครที่ชอบรองเท้าเฟิร์มๆ ตอบสนองดีๆ อาจจะยังไม่ค่อยถูกใจรุ่นนี้สักเท่าไรนัก แต่ถ้าใครที่ชอบวิ่งไปแบบไหลๆ ก็น่าจะโดนใจรองเท้าวิ่งคู่นี้ไม่น้อย

ในส่วนของอัปเปอร์ที่บางเบากว่าเดิมมากๆ ก็ให้ความรู้สึกสบายในการสวมใส่ ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น แต่ทว่ากลับรู้สึกไม่ค่อยกระชับเท้าเท่าไรนัก อาจจะเป็นเพราะด้วยหน้าผ้าที่บางก็เป็นได้ เวลาใส่ออกวิ่งก็ไม่ได้รู้สึกหลวมจนไม่มั่นใจ ส้นเท้าล็อคได้ดีไม่เคลื่อนหลุด บริเวณข้อเท้าที่เปิดกว้างก็ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด รวมไปถึงลิ้นรองเท้าที่บางและเชือกที่บางเส้นเล็ก ก็ไม่บีบรัดเท้าแม้จะมัดแน่น อีกทั้งมัดทบเดียวก็เอาอยู่ ไม่หลุดง่าย

และเพดานบริเวณปลายเท้าก็ค่อนข้างมีพื้นที่เยอะ หน้าผ้าไม่กดนิ้วเท้า แต่รูปทรงก็ยังถือว่าเรียวอยู่ ใครที่หน้าเท้ากว้างแล้วเผื่อไซส์ ก็อาจจะมีช่วงปลายเท้าที่เหลือเยอะเกินไปทำให้เท้าลงไม่ตรงจุดที่โค้ง อาจจะรีดประสิทธิภาพปลายเท้าโค้งได้ไม่เต็มที่ ส่วนตัวเป็นคนหน้าเท้ากว้างก็ใส่ตรงไซส์กับรองเท้าวิ่งรุ่นอื่นๆ ด้านข้างแน่นกำลังดี ส่วนปลายเท้ารู้สึกโล่ง แต่ด้วยความเป็นรองเท้าเรซซิ่งเลยคิดว่าอาจจะสึกโล่งเกินไปนิดนึง แต่พอใส่ถุงเท้าที่หนาขึ้นก็พอช่วยแก้ปัญหาความโล่งภายในได้อยูา

พื้นชั้นนอกที่ปรับมาเป็นรูปตัว U ตรงปลายเท้าก็ให้การยึดเกาะที่ดี โดยเฉพาะเวลาเท้าไหลตามความโค้งของพื้นไปยังปลายเท้าก็ไม่ได้ลื่นไถลอะไร ส่วนในเรื่องของความทนทานก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก แต่ว่ารุ่นนี้เป็นรองเท้าวิ่งสายแข่งขัน ความทนทานของพื้นก็ไม่ใช่ประเด็นแรกที่จะต้องสนใจ

สรุปความคิดเห็นเกี่ยวกับ On Cloudboom Echo

เป็นรองเท้าสายเรซซิ่งที่ส่วนตัดคิดว่าไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความซิ่ง ดีดเด้ง สักเท่าไรนัก แต่เป็นการออกแบบมาเพื่อให้วิ่งได้อย่างไหลลื่น ประหยัดพลังงาน และไปได้เรื่อยๆ จนจบระยะมากกว่า เพราะด้วยความนุ่ม ปลายเท้าโค้ง อีกทั้งแผ่น Speedboard ที่ไม่ได้แข็งดีดเด้งอะไรมากมาย เหมือนมีไว้เพื่อประคองให้ข้อเท้าและข้อต่อต่างๆ ไม่ต้องเกร็งและไม่ต้องใช้พลังเยอะ สามารถวิ่งได้อย่างเป็นธรรมชาติ วิ่งจบแล้วร่างกายก็ไม่พังด้วย

สำหรับคนที่ชื่นชอบความดีด ความแรงของรองเท้าวิ่งซุปเปอร์ชูส์ ก็อาจจะไม่โดนใจสักเท่าไรนัก เพราะ Cloudboom Echo ไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนั้น แต่จะเป็นแนวไปได้เรื่อยๆ ส่วนความแรงก็ขึ้นอยู่กับผู้สวมใส่ที่จะพาไปได้ไกลแค่ไหนมากกว่าใครที่ชอบดีดๆ แรงๆ แนะนำให้ข้ามไปเลย

ส่วนราคา 9,090 บาท ที่หลายๆ คนมองว่าเป็นราคาที่สูง ก็ต้องลองเปรียบเทียบกับคุณภาพและวัสดุ รวมถึงงานประกอบตามแบบฉบับ Swiss Engineering ที่มีความเนี๊ยบ เรียบร้อย และประสิทธิภาพที่ต้องการดูนะ ว่าเราโอเคหรือไม่ แต่ถ้าใครเป็นแฟน On ชอบดีไซน์ และชอบรองเท้าที่ไปได้เรื่อยๆ ไม่ต้องเร่งตัวเอง รองเท้าวิ่งรุ่นนี้ก็น่าจะเหมาะกับคุณ

สำหรับรองเท้าวิ่งระดับท็อปรุ่นใหม่จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์นี้ วางจำหน่ายแล้วที่ร้าน Rev Runnr และ ร้านRun 2 Paradise ในราคา 9,090 บาท

ข้อมูลรองเท้า

—————————–

อย่าลืมกดติดตาม กดไลค์เพจ SNKR TODAY และกด Favorite ใส่รายการชื่นชอบไว้จะได้ไม่พลาดในการติดตามข่าวสารรองเท้ารุ่นใหม่ๆ 👟👟👟

ติดตามวิดีโอรีวิวรองเท้ารุ่นต่างๆ ได้ที่ https://www.youtube.com/snkrtoday

Exit mobile version