รีวิว Nike Air Zoom Tempo Next% รองเท้าวิ่งสำหรับใส่ซ้อมทำความเร็ว เด้ง และพุ่งสะใจ

รีวิว Nike Air Zoom Tempo Next%

Nike Air Zoom Tempo Next% รองเท้าวิ่งถนนสำหรับซ้อมทำความเร็วรุ่นใหม่ที่ใช้ระบบเดียวกันกับ Nike Air Zoom Alphafly Next% ที่มาพร้อมพื้นชั้นกลาง ZoomX และ Zoom Air Pod แบบคู่ตรงหน้าเท้า ก่อนหน้านี้เราได้ทำการแกะกล่อง พรีวิว กันไปแล้ว หลังจากนั้นก็ได้ไปสวมใส่วิ่งกันมาสักพักใหญ่ สำหรับรองเท้าวิ่งรุ่นนี้ใส่แล้วจะเป็นอย่างไร มาติดตามรีวิวกันได้เลยครับ

ถ้าใครไม่อย่าอ่าน เชิญชมคลิปวิดีโอรีวิว Tempo Next% ได้เลยครับ

Nike Air Zoom Tempo Next% อัปเปอร์ Flyknit สุดกระชับ โปร่งสบาย

สำหรับ Tempo Next% นี้จะมาแทนที่ Nike Zoom Fly 3 และ Nike Zoom Pegasus Turbo 2 ที่เป็นรองเท้าใส่ซ้อมทำความเร็วทั้งคู่ โดยรุ่นนี้มีจุดประสงค์ออกมาเป็นรองเท้าวิ่งใส่ซ้อมทำความเร็วควบคู่กับการใช้งานกับรองเท้าแข่งขันอย่าง Alphafly Next% จึงการปรับใช้ระบบจาก Alphafly Next% มาเป็นหลัก

ด้วยอัปเปอร์ผ้าถัก Flyknit ที่มีน้ำหนักเบา โปร่ง แต่แข็งแรง ผ้าถัก Flyknit นี้จะถักทอติดกันชิ้นเดียวทั้งอัปเปอร์และมีโครงสร้างผ้าอีกชั้นตรงกลางเท้า ทำให้การสวมใส่รู้สึกกระชับและเป็นหนึ่งเดียวกับเท้าแบบสุดๆ และเรื่องการระบายอากาศหมดห่วงไปได้เลย เพราะมีลักษณะที่โปร่งมาก ทำให้เวลาลมพัดรู้สึกถึงลมที่พัดเข้ามาในเท้าเลย

ตรงช่วงหลังเท้าและรอบๆ ข้อเท้าจะเป็นลักษณะเหมือนยางยืดก็จะช่วยเพิ่มความกระชับและการยืดหยุ่นสำหรับตอนสวมใส่ได้เป็นอย่างดี ตรงส้นด้านในมีการเสริมฟองน้ำไว้รอบๆ เอ็นร้อยหวายก็กระชับส้นเท้าได้เป็นอย่างดี ไม่หลุด ไม่เคลื่อน และเชือกรองเท้าของรุ่นนี้ผูกรอบเดียวก็ถือว่าเอาอยู่นะ แต่ถ้าใครไม่มั่นใจก็มัดสองทบไปเลย ชัวร์ที่สุด แต่เผลอๆ เชือกอาจจะไม่จำเป็นมากนักก็ได้ เพราะอัปเปอร์ค่อนข้างกระชับและเข้ากับรูปเท้ามากๆ เวลาที่ยังไม่ดึงเชือกให้แน่นก็รู้สึกว่ากระชับเท้ามากๆ แล้ว

พื้นชั้นกลาง ZoomX + Zoom Air + React + Composite plate

เรียกได้ว่านำ DNA ของรุ่นท็อปมาครบเลย แต่มีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับเป็นรองเท้าสำหรับใส่ซ้อมหน่อย ด้วยการปรับแผ่นคาร์บอนด้านในเท้า มาเป็น Composite plate ซึ่งทางไนกี้ไม่ได้บอกส่วนผสมใดๆ แต่แผ่นรองด้านในเต็มความเท้าตลอดชั้นโฟมนี้จะมีความแข็งน้อยกว่า Alphafly Next% เพื่อให้เราใส่ฝึกซ้อมและออกแรงมากกว่า และเสริมโฟม React ก้อนใหญ่บริเวณส้นเท้า ก็จะมาช่วยเพิ่มความนุ่มและความทนทานเพิ่มระยะการใส่ซ้อมได้นานขึ้น ส่วนบริเวณหน้าเท้าก็จะใช้โฟม ZoomX ที่เป็นโฟมระดับท็อป มีความนุ่ม เด้ง และน้ำหนักเบา ผสมกับ Zoom Air แบบคู่ตรงหน้าเท้า

ด้วยการแผ่น Composite plate ไว้เหนือ Zoom Air ก็จะช่วยมอบความมั่นคงในจังหวะลงเท้าและช่วยทำการกด Zoom Air ลงมาแบบเต็มๆ และการแยกชิ้น Zoom Air ออกเป็นสองชิ้นแบบนี้ทำให้มีพื้นที่การขยายตัวของ Zoom Air ออก และจังหวะคืนตัวก็จะทำให้พุ่งได้แบบเต็มที่นั่นเอง และพอรวมๆ กันทุกอย่างแล้วทำให้เวลาวิ่งแบบลงปลายเท้าจะรู้สึกได้เลยเด้งและพุ่งทะยานไปข้างหน้า พร้อมทำความเร็วได้เป็นอย่างดี และโฟม ZoomX, React รวมถึง Zoom Air ก็ช่วยรองรับแรงกระแทกได้ดีด้วย พอเราเริ่มชินกับการพุ่งของรองเท้าจะทำให้เราควงรอบขาได้นิ่งขึ้น ช่วยทำให้เราวิ่งได้เร็วขึ้น แต่ก็ต้องอาศัยร่างกายและความแข็งแรงที่พร้อมด้วยนะ ถึงจะไปได้เรื่อยๆ และรุ่นนี้จังหวะลงเท้าค่อนข้างมั่นคงเพราะพื้นชั้นนอกตรงหน้าเท้าค่อนข้างกว้าง

ส่วนตัวมองว่าวิ่งความเร็วที่ระดับเพซ 6 ลงไป จะทำให้รีดประสิทธิภาพรองเท้าได้ดีมาก ส่วนเพซ 7 เพซ 8 ก็พอไหว แต่พอรองเท้ามันเด้งและพุ่งจะทำให้จังหวะการวิ่งมันแปลกๆ เหมือนพยายามให้เรายกขาสูงอยู่ตลอดแม้เราจะวิ่งช้าก็ตาม และถ้าลงส้นหรือลงเต็มเท้าจะทำให้ Zoom Air ทำงานแบบไม่เต็มที่ แต่ก็ได้ความนุ่มและความเด้งจากโฟม ZoomX และ React ช่วยอยู่ อีกทั้งหน้าเท้าก็ไม่ค่อยเทไปข้างหน้าเท่าไร

ดรอป 10 มม. เป็นดรอปที่รองเท้าวิ่งส่วนใหญ่ใช้กัน ก็เรียกได้ว่าใส่ง่ายไม่ต้องปรับตัวอะไรมากสำหรับคนที่เปลี่ยนมาจากรุ่นอื่นๆ แต่อย่าลืมไปว่ารองเท้าสำหรับแข่งขันส่วนใหญ่จะมีดรอปที่ต่ำลง เพื่อเน้นลงปลายหน้าหรือหน้าเท้า ก็ต้องฝึกซ้อมสำหรับการลงหน้าเท้าด้วยเหมือนกัน

และด้วยน้ำหนัก 278 กรัม ในไซส์ 10US ผู้ชาย ก็แทบจะไม่รู้สึกว่ารองเท้าคู่นี้มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ (ถ้าเทียบกับรองเท้าซ้อมทำความเร็วรุ่นอืนๆ) เพราะระบบทั้งหมดจะช่วยยกรองเท้าขึ้นมาให้ และต้องบอกเลยว่าพอเปลี่ยนมาลอง Nike Zoom Fly 3 กลับกลายเป็นว่าไม่เด้ง ไม่พุ่งแล้ว และยิ่งพอเปลี่ยนมาใช้ Nike Zoom Pegasus Turbo ต่อ ก็ยิ่งรู้สึกไม่เด้งเข้าไปใหญ่ แต่ในความเป็นจริงรองเท้าทั้งสองรุ่นก็ยังทำหน้าที่สำหรับการใส่ซ้อมทำความเร็วได้ดี ตรงนี้ขึ้นอยู่กับความชอบฟีลลิ่งของรองเท้าในแต่ละคนมากกว่า

พื้นชั้นนอกก็ออกแบบเพื่อเน้นการลงช่วงปลายเท้าหน้าเท้าเป็นหลัก ด้านการยึดเกาะถือว่าทำได้ดี ส่วนความทนทานอาจจะไม่ค่อยทนทานเท่าไรมากนัก แต่ลวดลายของพื้นรุ่นนี้ก็มีลักษณะเหมือนดอกยางหายไปในระดับนึงแล้ว เพราะฉะนั้นพอใส่วิ่งไปสักพักแล้วมาเห็นก็ไม่ต้องตกใจไป

สรุปความคิดเห็น Nike Air Zoom Tempo Next%

ถือเป็นรองเท้าวิ่งถนนสำหรับซ้อมทำความเร็วได้อยู่ในระดับที่ดีมากๆ เลย ความพุ่ง ความเด้ง มาเต็ม และความมั่นคงก็มีมากขึ้นด้วย ช่วยให้เราทำความเร็วได้ดีขึ้น ผ่อนแรงน้อยลง อัปเปอร์ Flyknit กระชับเข้ากับเท้ามากๆ และยังมีความแข็งแรงช่วยล็อคเท้าไม่ให้เคลื่อนหลุดจากพื้นได้ดี ช่วงหน้าเท้าก็มีฐานที่ค่อนข้างกว้าง แต่อุ้งเท้ายังมีเว้าเข้ามาอยู่ คนที่รูปเท้าหน้ากว้างมากๆ หรืออุ้งเท้าเนื้อเยอะ เท้าแบน เท้าล้มเข้าด้านในอาจจะไม่เหมาะ เพราะเผื่อไซส์เยอะไม่ได้ ถ้าเผื่อเยอะเกินจะทำให้การลงเท้าไม่ตรงกับ Zoom Air ก็จะไม่ได้ใช้ประโยชน์ตรงนี้เลย แต่ส่วนตัวไม่ชอบเรื่องเสียงที่เกิดขึ้นตอนวิ่ง เสียงลงเท้าดังมาก และบางทีมีเสียงเหมือนแผ่นด้านในเสียดสีกับ Zoom Air ด้วย แต่ตรงนี้ก็ไม่ได้มีผลต่อการวิ่งอยู่แล้ว โดยรวมถือว่าดีมากๆ หากใครจะนำไปใส่ลงแข่งขันคิดว่าก็ไหวอยู่นะ ไปได้เรื่อยๆ เลย

สำหรับใครที่กำลังมองหารองเท้าวิ่งสำหรับใส่ซ้อมทำความเร็ว, Tempo, Interval หรือจะนำมาใส่ลงแข่งขัน ก็สามารถหาซื้อได้แล้วที่ร้าน REV RUNNR หรือ REV RUNNR online ในราคา 7,000 บาท

ข้อมูลรองเท้า

อัปเปอร์ Flyknit
พื้นชั้นกลาง ZoomX และ React มาพร้อมแผ่น Composite Plate เต็มความยาวเท้าด้านใน และ Zoom Air แบบคู่บนปลายเท้า
ดรอป 10 มม.
น้ำหนัก 278 กรัม ไซส์ 10us ผู้ชาย

ขอขอบคุณ REV RUNNR ที่ส่งรองเท้าวิ่งคู่นี้มาให้สัมผัสกันด้วยนะครับ


อย่าลืมกดไลค์เพจ SNKR TODAY และกด See First ติดดาวไว้จะได้ไม่พลาดในการติดตามข่าวสารรองเท้ารุ่นใหม่ๆ 👟👟👟

ติดตามวิดีโอรีวิวรองเท้ารุ่นต่างๆ ได้ที่ https://www.youtube.com/snkrtoday

Exit mobile version