ในที่สุดก็ได้สัมผัสกับเขาสักที หลังจากวืดไปวืดมาหลายรอบ จนเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาทาง Nike ได้นำ Nike Air Zoom Alphafly Next% มาวางจำหน่ายก็เลยได้มีโอกาสกดทัน ซึ่งการวางจำหน่ายรอบนี้ถือว่าไซส์มาเยอะ มาหลายรอบเหมือนกันนะ เหมือนกดกันได้เรื่อยๆ เลย เชื่อว่าหลายๆ คนก็น่าจะมีกดกันได้บ้าง
สำหรับรองเท้าวิ่งรุ่นนี้ได้เปิดตัวมาตั้งแต่ตอนต้นปีที่ผ่านมา แต่กว่าจะวางจำหน่ายกันได้ ก็มีปัญหาต่างๆ มากกมาย และแน่นอนว่าคนที่ทำให้ผู้คนต่างๆ จดจำรองเท้าคู่นี้ได้ก็คือ คิปโชเก้ ที่ใส่ Alphafly Next% หวดลงในสนาม INEOS 1:59 ทำลายสถิติตัวเองลงต่ำกว่า 2 ชั่วโมงในระยะมาราธอนได้สำเร็จ น่าเสียดายที่ไม่ได้เป็น Official World Record และหลังจากนั้นก็ทำให้หลายๆ คนรอคอยการมาของรองเท้าวิ่งคู่นี้
ถ้าไม่อยากอ่าน เชิญติดตามคลิปวิดีโอกันเลย
แกะกล่อง ส่องรองเท้าวิ่ง Nike Air Zoom Alphafly Next%
ระบบหลักๆ ก็ยังใช้โฟม ZoomX ที่เป็นซุปเปอร์โฟมของทางไนกี้และแผ่นคาร์บอนด้านในรองเท้า แต่ในรุ่นนี้ถูกเสริมด้วย Zoom Air Pod แบบคู่ตรงบริเวณหน้าเท้า หากใครที่เคยใส่รองเท้าบาสที่มี Zoom Air ก้อนโตๆ ตรงหน้าเท้าน่าจะรู้ดีว่าอาการพุ่ง อาการเด้งเป็นอย่างไร นอกจากจะช่วยเรื่องการตอบสนองที่ดีแล้ว Zoom Air ยังช่วยเรื่องการรองรับแรงกระแทกด้วยนะ อีกทั้งยังเพิ่มความหนาของโฟม ZoomX ไปอีก ทำให้ทรงของพื้นรองเท้าดูบวมขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งไนกี้ของแท้งานต้องไม่เนี๊ยบ เหมือนเป็นมนต์เสน่ห์ของ Next% ไปแล้ว ที่เราต้องมาดูว่าโฟม ZoomX ของเราจะได้รอยยับกันตรงไหนบ้าง
ในส่วนของอัปเปอร์ก็มาเป็น AtomKnit ที่ตอนแรกยังนึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไร จะบอกว่าไม่ได้จับ ไม่ได้เห็นของจริงเลย ตั้งแต่มีการวางจำหน่าย พอได้สัมผัสแล้วแบบว่า มันบาง โปร่ง แต่ยังดูแข็งแรง รูปทรงก็ยังเป็นแบบ Sock like สวมเข้าไปแบบถุงเท้า เชือกรองเท้าก็มีรอยหยักขึ้นมาให้ เพื่อการผูกมัดแล้วไม่ให้ลื่นหลุด ตรงส้นมีฟองน้ำบุเล็กน้อยรอบๆ เอ็นร้อยหวาย ในรุ่น Vaporfly Next% ก็มีมาให้ไม่เยอะ แต่ก็ไม่หลวมหลุด น่าสนใจไม่น้อยว่าจะทำได้ดีแค่ไหนทั้งอัปเปอร์ ทั้งเชือก
พื้นชั้นนอกมีแผ่นยางมาให้หนาๆ ตรงหน้าเท้า ก็ไม่แปลกที่จะเน้นบริเวณหน้าเท้าเป็นหลัก เพราะรองเท้ารุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ลงหน้าเท้าจะได้ใช้ Zoom Air ได้เต็มประสิทธิภาพ ตรงส้นก็มีให้มาเล็กน้อย
น้ำหนักของไซส์ 10us อยู่ที่ 230 กรัม หนักกว่า Vaporfly Next% (196 กรัม) ราวๆ 34 กรัม แต่ได้ปรับมาเป็นดรอป 4 มม. เพื่อให้เน้นลงหน้าเท้าเพิ่มเติม น่าสนใจว่าจะแรงแค่ไหน เดี๋ยวต้องไปลองกันก่อนนะ
สำหรับเรื่องสี สีนี้เป็นสีที่ออกมาสำหรับช่วงงานโอลิมปิก แต่ก็เลื่อนไปแล้ว เมืองนอกมักจะเรียกกันว่าสี Watermelon ส่วนตัวก็ชอบสีนี้นะ โฟม ZoomX มันจะขาวก็ไม่ขาวทั้งหมด แถม Zoom Air ก็คนละสีด้วย ดูสวยงามเลย ไว้เดี๋ยวขอไปลองสักพัก แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังในรีวิวหน้า รอติดตามกันได้เลย
ข้อมูลรองเท้า
ราคา 9,400 บาท
วางจำหน่ายที่ nike.com
ดรอป 4 มม. (ปลายเท้า 35 มม., ส้น 39 มม.)
น้ำหนัก 230 กรัม ไซส์ 10us ผู้ชาย
สี White/Jade Aura/Flash Crimson
อย่าลืมกดไลค์เพจ SNKR TODAY และกด See First ติดดาวไว้จะได้ไม่พลาดในการติดตามข่าวสารรองเท้ารุ่นใหม่ๆ 👟👟👟
ติดตามวิดีโอรีวิวรองเท้ารุ่นต่างๆ ได้ที่ https://www.youtube.com/snkrtoday