ASICS GEL-NIMBUS 25 รองเท้าวิ่งสายซัพพอร์ตสำหรับคนรูปเท้าปกติรุ่นใหม่ ในรุ่นนี้เรียกได้ว่ามีการปรับปรุงจาก GEL-NIMBUS 24 แบบใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์และระบบ, เทคโนโลยีที่ใช้งาน สำหรับรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่นี้จะเป็นอย่างไร ไปติดตามรีวิวกันเลย
ASICS GEL-NIMBUS 25 มีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง?
รองเท้าวิ่งตระกูล Nimbus เปิดตัวครั้งแรกในปี 1999 โดยจะเป็นรองเท้าวิ่งที่เน้นการซัพพอร์ตและความนุ่ม ซึ่งไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ก็ยังคงใช้ Gel ที่เป็นระบบรองรับแรงกระแทกหลักของทางเอสิคซ์เรื่อยมา และในปี 2023 นี้ ก็ถือเป็นการครบรอบ 25 ปีสำหรับรองเท้าวิ่งตระกูล Nimbus ก็มีการปรับเปลี่ยนมาใช้งาน PureGel ที่มีน้ำหนักเบากว่าเจลทั่วไปเข้าที่บริเวณส้นเท้า ซึ่งจะวางอยู่ใต้ส้นเท้าเลยและไม่มีโชว์เจลให้เห็นด้านนอกอีกต่อไปแล้ว
ส่วนพื้นชั้นกลาง FF Blast Plus ECO โฟมใหม่ที่เป็น Bio-based น้ำหนักเบา นุ่ม และรองรับแรงกระแทกได้ดีเข้ามาใช้งานแบบเต็มความยาวเท้า และมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนถึง 20% อีกทั้งยังมาในรูปทรงโค้ง ช่วยให้วิ่งได้อย่างสมูทไหลลื่นอีกด้วย และยังมีการปรับดรอปลงมาเหลือ 8 มม. ส้นสูง 41.5 มม ปลายเท้าสูง 33.5 จาก GEL-NIMBUS 24 ที่มีดรอป 10 มม. ส้นสูง 26 มม. ปลายเท้าสูง 16 มม. ถือว่าหนาขึ้นพอสมควรเลยทีเดียว
อัปเปอร์ใช้ผ้าถัก Engineered knit ที่มีความนุ่มและยืดหยุ่น มาพร้อมรู้ระบายกาศรอบๆ อัปเปอร์ และช่วงกลางเท้าก็มาพร้อมกับสัญลักษณ์ของ ASICS ที่จะช่วยเป็นโครงสร้างเพิ่มความแข็งแรงของรองเท้า ส่วนรอบๆ ข้อเท้าก็จะมีผ้ายางยืดสำหรับกระชับข้อเท้าแบบชัดเจน และลิ้นรองเท้าผ้าถักแบบรุ่นก่อนหน้าที่ให้ความกระชับ ยืดหยุ่นตรงช่วงหลังเท้าได้ดี
ส่วนพื้นชั้นนอกก็ยังคงเป็นยาง AHAR+ ที่มีความทนทานสูงและยึดเกาะได้ดี โดยวางในรูปแบบใหม่ แบ่งโซนพื้นที่ในแต่ละจุดสำคัญๆ โดยจะมีช่วงบริเวณหน้าเท้า และส้นเท้าอีกเล็กน้อย เว้นช่วงตรงกลางไว้ โดยโฟมช่วงกลางเท้าจะสัมผัสกับพื้นโดยตรง
และสำหรับสี Platinum จะเป็นสีพิเศษที่จะมาพร้อมกับความหรูหรา โดยใช้การไล่เฉดแบบแสงเหนือบนพื้นชั้นกลาง และมีกลิตเตอร์เคลือบทับ เวลาโดนแสงจะมีความวิบวับอยู่เล็กน้อย และสำหรับ GEL-NIMBUS 25 นี้ จะใช้อัปเปอร์สีดำ แตกต่างจาก Novablast 3 Platinum ที่มาในโทนขาว
ความรู้สึกและประสิทธิภาพในการใช้งาน
ในการสวมใส่ต้องบอกเลยว่าให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนหน้าเลย โดยความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือพื้นชั้นกลางที่มีปริมาณขึ้นกว่าเดิมถึง 20% นั้น ทำให้ไม่เกิดอาการนุ่มยวบจนรู้สึกติดพื้นแบบรุ่น GEL-NIMBUS 24 แล้ว มอบความนุ่มใต้ฝ่าเท้าแบบชัดเจน อีกทั้งยังมีความเด้งให้รู้สึกในณะวิ่งอีกด้วย รูปทรงพื้นชั้นกลางที่มาแบบทรงโค้ง ก็ช่วยทำให้การวิ่งทำได้อย่างลื่นไหล ค่อยช่วยให้เรากลิ้งเท้าไปข้างหน้าได้เรื่อยแบบไม่เร่งร้อนอะไร และด้วยฐานพื้นชั้นกลางที่กว้างก็มอบความมั่นคงตลอดการวิ่งอีกด้วย
ในส่วนของพื้นชั้นนอกที่มีการปรับดีไซน์ใหม่เช่นกัน จากเดิมที่ใช้งานเป็นแนวเส้นทแยงก็เปลี่ยนมาเป็นการแบ่งแผ่นชิ้นส่วนที่มาในส่วนของหน้าเท้ามากที่สุด และยังมีการเจาะรูวางกลมเล็กๆ เป็นดอกยางเพื่อสำหรับการยึดเกาะ ซึ่งก็ให้การยึดเกาะที่ดีมาก วิ่งผ่านพื้นเปียกก็ยังไม่รู้สึกลื่น อีกทั้งการวางรูปแบบพื้นชั้นนอกลักษณะนี้ก็ให้ความยืดหยุ่นในการวิ่งที่ดี และยาง AHAR+ ของทางเอสิคซ์เขาก็ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานอยู่แล้ว หมดห่วงเรื่องการสึกเร็วไปได้เลย
ส่วนตัววิ่งอยู่ที่ประมาณเพซ 7-8 ก็ยังให้ความรู้สึกนุ่ม และพื้นโค้งก็ช่วยให้มีการกลิ้งไหลไปเรื่อยๆ ใครที่วิ่งลงส้นเท้าก็หมดห่วง เพราะมีการฝัง PureGel ไว้ใต้ส้นเท้าก็จะช่วยรองรับแรงกระแทกได้มากขึ้น ด้วยการออกแบบพื้นที่เรียบแนบชิดกับพื้นก็ช่วยเพิ่มความมั่นคงตลอดการวิ่ง และด้านในก็ออกแบบมาซัพพอร์ตฝ่าเท้าได้ดี กระชับ วิ่งไปได้เรื่อยๆ และสำหรับรุ่นนี้ถ้าอยากวิ่งให้สนุกน่าจะเหมาะกับคนที่วิ่งเพซ 6-7 ในช่วงนี้ แต่ถ้าใครวิ่งช้าก็ยังเหมาะอยู่นะ แค่จะไม่ค่อยรู้สึกเด้งเท่าไรนัก
การเลือกไซซ์
ส่วนตัวยังเลือกใส่ตรงไซซ์กับรองเท้าวิ่งทั่วไป และ GEL-NUMBUS 24 โดยอัปเปอร์ที่มีการเปลี่ยนมาใช้ผ้าถัก Engineered knit ก็ให้ความนุ่มและยืดหยุ่นที่กำลังดี ไม่บีบรัดนิ้วเท้า และยังคงการระบายอากาศได้ดี ส่วนลิ้นรองเท้าที่มาจากรุ่นก่อนหน้า โดยเป็นผ้าถักและมีความเพรียวบางก็ให้ความรู้สึกสบายและกระชับหลังเท้า ไม่มีความรู้สึกหนาเทอะทะ แต่ช่วงบริเวณส้นเท้าที่การปรับดีไซน์ใหม่ ส่วนตัวยังรู้สึกว่าไม่ได้ล็อคแน่นซัพพอร์ตเท่าเดิม แต่ก็ยังถือว่าเพียงพอสำหรับการวิ่งระยะไกลหรือการวิ่งออกกำลังกายในทุกๆ วันอยู่
สรุป ASICS GEL-NIMBUS 25 ดีไหม? เหมาะกับใคร?
โดยรวมถือเป็นการปรับปรุงที่เราชื่นชอบมากกว่ารุ่นที่ 24 ทั้งพื้นชั้นกลางที่หนานุ่มมากขึ้น ใส่วิ่งแล้วไม่ยวบและยังมีความเด้งหรือแรงส่งคืนกลับมาให้รู้สึกในขณะวิ่ง พื้นโค้งที่ถึงแม้จะไม่มีแผ่นอะไรคอยดาม แต่ก็ยังทำงานตามรูปทรง ช่วยให้กลลิ้งเท้าไปได้เรื่อยๆ อยู่ ส่วนอัปเปอร์ที่ปรับใหม่ ก็นุ่มสบายขึ้น ระบายอากาศได้ดี ล็อคส้นกระชับ เหมาะสำหรับการวิ่งในทุกๆ วัน วิ่งระยะไกล ไปแบบเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่สวยงาม ถ้าเลือกสีเหมาะๆ ก็เอามาใส่ในชีวิตประจำวัน แมตช์เข้ากับการแต่งตัวได้ง่ายขึ้น
ASICS GEL-NIMBUS 25 ราคา 6,500 บาท และสำหรับสีพิเศษ Platinum ราคา 6,900 บาท วางจำหน่ายที่ ASICS Store, ASICS.COM, ร้านค้าชั้นนำ, Supersports และ Supersports Online: https://invol.co/clg9zxh
ข้อมูลรองเท้า
- อัปเปอร์ผ้าถัก Engineered knit
- พื้นชั้นกลาง FF Blast Plus ECO พร้อม PureGel ที่ส้นเท้า
- พื้นชั้นนอกยาง AHAR+
- ดรอป 8 มม. Stack Height 41.5/33.5 มม. ไซซ์ US 9 ผู้ชาย
- น้ำหนัก 292 กรัม
- ราคา 6,500 บาท (สีธรรมดา) , ราคา 6,900 บาท (สี Platinum)