ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วงการรองเท้าวิ่งได้มีความน่าตื่นตาตื่นใจกับรองเท้าวิ่งแนว Super shoes ที่มาพร้อมกับโฟมน้ำหนักเบา ตอบสนองได้ดี และยังมีการใช้แผ่นคาร์บอนวางด้านในพื้นชั้นกลางเพื่อเสริมความั่นคงและแรงผลักต่างๆ ตรงนี้ก็แล้วแต่สูตรของแต่ละแบรนด์ แต่ Super shoes รุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นรองเท้าวิ่งที่ผ่านการวิเคราะห์ พัฒนา คัดเลือกวัสดุส่วนผสมต่างๆ ด้วยทีมคนไทยที่มีประสบการณ์ในการผลิตรองเท้าให้กับแบรนด์ดังมาก่อน และผ่านการทดสอบรุ่นต้นแบบที่หลากหลายจนออกมาเป็น ApexBeat Speed-1
“เป็นรองเท้าที่ทางทีมงานตั้งใจจะทำขึ้นมาเพื่อให้คนไทยได้ใส่รองเท้า super shoes ครับ เพราะเราเห็นว่าแบรนด์นอกทำมาขายแล้วเพื่อนนักวิ่งส่วนมากได้ใช้กันน้อย แพงบ้าง ของหมดบ้าง เหมือนมาโปรโมทให้อยากใช้แล้วไม่ค่อยสนใจคนไทย ชื่อแบรนด์ก็ช่วยกันคิดครับ ใกล้จะสรุปกันเร็วๆ นี้”
ซึ่ง 1 ในทีมพัฒนา ก็คือ พี่เลิศ อดีตนักวิ่งระดับติด 1 ใน 3 ของประเทศเราเมื่อหลายปีก่อน และได้เริ่มพัฒนารองเท้าวิ่งรุ่นนี้ในช่วงที่ Nike ZoomX Vaporfly NEXT% รุ่นแรกวางจำหน่าย มีการพัฒนาในแล็ป ทำการทดลองหาค่า, หาวัสดุทดสอบชิ้นโฟม, วัดค่าความแข็ง, ค่าความยืดหยุ่นของโฟมมาตั้งแต่ปี 2019 ภายใต้โจทย์ที่ว่า “ต้องนุ่ม เด้ง ไม่ยวบ มั่นคง และมีความทนทาน” เนื่องจากโฟมของแบรนด์ระดับโลกนั้นฉีกขาดง่ายมาก จึงทำให้เกิดความตั้งใจที่จะพัฒนาโฟมที่มีความทนทานและมีประสิทธิภาพที่ดีด้วย หลังจากนั้นก็ได้ทดสอบมาเรื่อยๆ จนได้สูตรที่เหมาะสมที่สุด ออกมาเป็น “P+ Power Foam”
จากวันนั้น จนทำให้แบรนด์ Apexbeat กำเนิดขึ้นมา ซึ่งทาง SNKR TODAY ก็ได้รับเกียรติในการร่วมทดสอบรองเท้าวิ่งรุ่นนี้ก่อนจะวางจำหน่าย สำหรับรองเท้าวิ่งรุ่นนี้จะน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน มาติดตามรีวิวกัน
ดีไซน์และสเปก
สำหรับรองเท้าวิ่งรุ่นนี้เป็นรองเท้าวิ่งที่พัฒนาโดยคนไทย ทำออกมาเพื่อคนไทย ดังนั้นทีมพัฒนาได้ทำการวิจัยรูปเท้าให้อิงกับโครงสร้างของเท้าคนไทยเป็นหลัก ซึ่งเท้าคนไทยส่วนใหญ่จะมีรูปเท้าออกไปทางกว้างอูม จึงทำให้ Toe Box ของรองเท้าคู่นี้ค่อนข้างกว้าง และคนไทยสวมใส่ได้สบาย
อัปเปอร์ได้ใช้เส้นใยไนล่อนที่เรียกว่า Aura Mesh เป็นผ้าตาข่ายเรียงตัวกันในลักษณะโปร่งแสง เห็นได้ชัดเลยคือ บาง เบา พร้อมกับเคลือบ TPU ที่ปลายเท้าเพื่อเสริมความแข็งแรงและเป็นโครงสร้างให้ยกขึ้นมาเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในทำให้เราสวมใส่ได้สบาย ตรงกลางเป็นแถบโลโก้ของ Apexbeat ส่วนลิ้นรองเท้าก็เป้นผ้าตาข่ายแบบบางแต่มีความยืดหยุ่นมากกว่าหน้าผ้า Aura Mesh ซึ่งการที่มีความยืดหยุ่นเป็นข้อดีก็คือ รองรับกับหลังเท้าได้หลากหลายรูปแบบ และบริเวณส้นเท้ามีการเคลือบ TPU เพื่อเสริมความแข็งแรงและมีแถบสะท้อนแสงมาให้ที่ส้นเท้า
พื้นชั้นกลาง “P+ Power Foam” ที่พัฒนามาจาก PEBAX ที่มีการค้นคว้าวิจัยจนได้สูตรสำเร็จของแบรนด์ ที่มีความ “นุ่ม เด้ง ไม่ยวบ มั่นคง และมีความทนทาน” ตามความตั้งใจของแบรนด์ที่ต้องการทำออกมา และยังมีการปรับจูนความหนาแน่นของโฟมเพื่อให้พื้นที่ฝั่งเท้าด้านนอกให้มีความหนาแน่นน้อยกว่าฝั่งเท้าด้านใน นั่นหมายความว่าพื้นบริเวณใต้อุ้งเท้าจะมีความหนาแน่นมากกว่าเพื่อป้องกันอาการเท้าล้มขณะวิ่ง เรียกได้ว่าใส่ใจกับการออกแบบและต้องการทำออกมานักวิ่งจริงๆ
และภายในพื้นชั้นกลางนี้ ก็มีการนำแผ่นคาร์บอนแบบเต็มความยาวเท้าไว้ด้านใน โดยมีการปรับปรุงย่นแผ่นเป็นเส้นตามแนวขวางของรองเท้า เพื่อให้แผ่นคาร์บอนมีความแข็งแรงมากขึ้น ทำให้มีความมั่นคงและช่วยเสริมแรงส่งคืนในขณะวิ่งได้ดีขึ้น ทั้งนี้เราจะเห็นได้ว่าปลายเท้าโค้ง ทั้งนี้เราได้ลองไปสักพัก บอกได้เลยว่าเป็นการวางตำแหน่งได้ดีกับจมูกเท้ามากๆ
ในเรื่องดรอปจะอยู่ที่ 8 มม. พื้นตั้งส้นเท้าสูง 36 มม. หน้าเท้าสูง 28 มม. กับน้ำหนักตัว 197 กรัม ในไซซ์ 9.5 US ผู้ชาย ถือว่าเป็นรองเท้าวิ่งน้ำหนักเบาพอๆ กับแบรนด์ระดับโลกเลยทีเดียว
เพื่อความทนทาน ทางแบรนด์ได้ตัดสินใจใช้ยาง High Abration แบบหนาพิเศษเพื่อสำหรับการยึดเกาะและทำให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น และมีการวางพื้นยางชั้นนอก 2 ส่วน โดยบริเวณหน้าเท้าจะมีการทำเป็นลวดลายตาข่าย เพื่อตัดน้ำหนักที่ไม่จำเป็นออกไป ส่วนตรงส้นก็วางในรูปแบบเกือกม้า ที่จะเน้นในส่วนที่มีการสัมผัสพื้นบ่อยๆ เท่านั้น
ในด้านดีไซน์ ทางแบรนด์ยังยอมรับว่าหน้าตาอาจจะดูไม่สวยงามเท่าไรนัก เนื่องจากทีมพัฒนาไม่ได้มีความชำนาญด้านนี้มากเท่าไร แต่ในเรื่องประสิทธิภาพต้องบอกได้เลยว่ามีความตั้งใจทำออกมาเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนตัวก็เห็นว่าด้านดีไซน์ก็ไม่ได้สวยงามเมื่อเทียบกับแบรนด์ระดับโลก แต่ก็ไม่ได้ดูแย่อะไร เป็นรองเท้าวิ่งที่มีหน้าตาที่ดูเรียบง่ายมากกว่า ไม่มีอะไรซับซ้อนวุ่นวาย
ประสิทธิภาพ ความรู้สึกในการสวมใส่
หลังจากที่ได้ลองสวมใส่กันมาสักพักใหญ่ ต้องบอกเลยว่ารองเท้าวิ่ง Apexbeat Speed-1 คู่นี้ ทำได้ดีไม่แพ้แบรนด์ระดับโลกอย่างแน่นอน และด้วยค่าตัวที่เรียกได้ว่าถูกกว่ากันเกือบครึ่ง ใครที่อยากได้รองเท้าวิ่งพื้นแน่นๆ ไม่ยวบ เด้งดี ทำความเร็วได้ดี ต้องบอกเลยว่าคู่นี้ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
พื้นชั้นกลาง P+ Power Foam ที่พัฒนามาจาก PEBAX โดยมีสูตที่แบรนด์ค้นคว้าพัฒนาเพื่อให้ออกมามีความรู้สึก “นุ่ม เด้ง ไม่ยวบ มั่นคง และมีความทนทาน” ต้องบอกได้เลยว่ามาครบจริงๆ แค่สวมใส่เดินตอนวอร์มก่อนวิ่งก็รู้สึกได้ถึงความนุ่มเด้งของพื้นชั้นกลางแล้ว และเมื่อลองออกวิ่งด้วยเพซประจำของตัวเอง ประมาณเพซ 8-9 แต่ผลที่ได้ออกมาก็คือเพซ 7 กลางๆ แบบงงๆ เนื่องจากความนุ่มเด้งของพื้นชั้นกลางและแผ่นคาร์บอนที่อยู่ด้านในก็ให้ความรู้สึกแข็งแรง ไม่รู้สึกถึงอาการยุบตัวของแผ่นคาร์บอนเลย กดแล้วคงรูปได้ดี รวมถึงปลายเท้าโค้งมีการวางตำแหน่งองศาได้ดีมาก ไม่ได้รู้สึกเทไปข้างหน้า แต่ไหลไปได้แบบสมูท
และเมื่อลองเร่งความเร็วดู รองเท้าก็ตอบสนองได้ดีมาก แถมยังทำให้รอบขาสมูทไหลลื่นไม่ติดขัด ใครที่เป็นขาแรงน่าจะชื่นชอบการตอบสนองและความมั่นคงของรองเท้าวิ่งรุ่นนี้ไม่น้อยเลย ส่วนตัวลองอัดขึ้นมาเพซ 4 ก็สามารถทำได้สบายๆ แต่ตัวรองเท้าก็ไม่ได้บังคับให้เราเร็วอยู่ตลอดเวลา ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้สวมใส่เลยทีเดียว แต่ยังไงการนำมาใส่วิ่งทำความเร็วก็จะเหมาะกับจุดประสงค์ของรองเท้าวิ่งรุ่นนี้มากกว่า
นอกจากนี้การปรับจูนความหนาแน่นของโฟมเพื่อให้พื้นที่ฝั่งเท้าด้านนอกให้มีความหนาแน่นน้อยกว่าฝั่งเท้าด้านใน เพื่อช่วยพยุงใต้อุ้งเท้าป้องกันอาการเท้าล้มขณะวิ่ง ตรงนี้ตอนวิ่งอาจจะไม่รู้สึกมาก แต่รับรู้ได้ถึงความมั่นคงในเวลาวิ่ง
อัปเปอร์ Aura Mesh ผ้าตาข่ายแบบโปร่งแสงก็บางเบา ระบายอากาศได้ดี พร้อมกับ TPU รอบๆ ก็เสริมความแข็งแรงและความกระชับกำลังดีเข้ามา ส่วนตัวยังรู้สึกว่าส้นเท้าและข้อเท้าหลวมๆ นิดนึง แต่พอร้อยเชือกเข้า runner’s loop ก็ดีขึ้น ใส่วิ่งทำความเร็วได้อย่างมั่นใจ ลิ้นรองเท้าบาง และตรงส้นก็มาพร้อมกับแถบสะท้อนแสงมาให้ ซึ่งแบรนด์อื่นๆ มักจะไม่ค่อยใส่แถบสะท้อนให้สำหรับรองเท้าวิ่งแข่งขัน จุดเล็กๆ ตรงนี้ก็ถือว่ามีความใส่ใจกับนักวิ่งจริงๆ
ในเรื่องของการยึดเกาะก็ทำได้ดีมากๆ ด้วยยาง High Abration แบบหนาพิเศษที่นอกจากจะยึดเกาะได้ดีแล้ว ยังมีความทนทานสูงอีกด้วย เรียกได้ว่าใช้งานกันได้แบบยาวๆ
การซัพพอร์ต พื้นชั้นกลาง P+ Power Foam ก็ถือว่าทำมาได้ดี หลังจากที่วิ่งเสร็จก็ไม่รู้สึกถึงความสะเทือนมากเท่าไรนัก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วรองเท้าวิ่งแผ่นคาร์บอนมักจะส่งแรงสะเทือนกลับมาที่ร่างกาย ที่รับรู้ได้มากที่สุดก็คือแผ่นหลัง แต่ Speed-1 คู่นี้เรียกได้ว่ามีแรงสะเทือนให้รู้สึกน้อยมาก ขนาดช่วงนี้ร่างกายเราไม่ค่อยแข็งแรงยังไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรหลังจากที่วิ่งเสร็จ ฝ่าเท้าก็ไม่ได้ระบมเท่าไร ทำมาได้ดีจริงๆ
สรุป Apexbeat Speed-1 ดีไหม? เหมาะกับใคร?
รองเท้าวิ่งรุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นรองเท้าวิ่ง Super shoes สำหรับวันแข่งขัน ด้วยประสิทธิภาพต่างๆ ของโฟมที่ทางแบรนด์ค้นคว้าและวิจัยกันมาเรียกได้ว่าตอบโจทย์มากๆ ในเรื่องของความ “นุ่ม ไม่ยวบ มีแรงส่งคืนที่ดี” อีกทั้งยังมีความทนทานสำหรับเพิ่มอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น เรียกได้ว่าเหมาะกับนักวิ่งที่ต้องการรองเท้าวิ่งประสิทธิภาพดีๆ สำหรับทำความเร็วในวันแข่งขัน ราคาไม่แพง และยังมีความทนทานใช้งานได้นานอีกด้วย
ส่วนตัวมองว่า Speed-1 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรองเท้าวิ่งสำหรับวันแข่งขันที่มีน้ำหนักเบา (ไซซ์ 9.5US ผู้ชาย 197 กรัม) มีการตอบสนองที่ดี มีความมั่นคง และการรองรับแรงกระแทกที่ดี อีกทั้งยังมีราคาไม่แพง มีราคา 3,990 บาทเท่านั้น
สำหรับการเลือกไซซ์ ส่วนตัวเลือกที่จะลดลงจากรองเท้าวิ่งแบรนด์ระดับโลก 0.5 (ปกติใส่ 10US รุ่นนี้ใส่ 9.5US ได้แบบสบายๆ ) เพราะมีหน้าเท้าที่กว้างสบายอยู่แล้ว เนื่องจากออกแบบมาเพื่อเท้าคนไทยที่มักจะมีลักษณะหน้าเท้ากว้าง หากใครเคยใส่รองเท้าวิ่งแบบ 2E ก็เลือกไซซ์เดียวกันได้เลย
สำหรับใครที่สนใจรองเท้าวิ่ง Super shoes รุ่นนี้ สามารถติดต่อไปทางเพจ Apexbeat Thailand ได้เลย ตอนนี้เปิดรับจองแล้ว
ข้อมูลรองเท้า
- อัปเปอร์ผ้าตาข่าย Aura Mesh น้ำหนักเบา โปร่ง ระบายอากาศได้ดี
- พื้นชั้นกลาง P+ Power Foam (พัฒนามาจาก PEBAX) นุ่ม เด้ง ไม่ยวบ มั่นคง และมีความทนทาน พร้อมแผ่นคาร์บอนเต็มความยาวเท้าด้านใน
- พื้นยางชั้นนอก High Abration แบบหนาพิเศษ ยึดเกาะดี มีความทนทาน
- ดรอป 8 มม. พื้นตรงส้นเท้าสูง 36 มม. หน้าเท้าสูง 28 มม.
- น้ำหนัก 197 กรัม ในไซซ์ 9.5 US ผู้ชาย
—————————–
อย่าลืมกดติดตาม กดไลค์เพจ SNKR TODAY และกด Favorite ใส่รายการชื่นชอบไว้จะได้ไม่พลาดในการติดตามข่าวสารรองเท้ารุ่นใหม่ๆ 👟👟👟
ติดตามวิดีโอรีวิวรองเท้ารุ่นต่างๆ ได้ที่ https://www.youtube.com/snkrtoday
อ่านข่าวในรูปแบบเว็บไซต์ได้ที่ https://snkrtoday.com