รีวิว On Cloudeclipse รองเท้าวิ่งพื้นหนานุ่ม พร้อมเทคโนโลยี CloudTec Phase สองชั้น

รีวิว On Cloudeclipse รองเท้าวิ่งพื้นหนานุ่ม พร้อมเทคโนโลยี CloudTec Phase สองชั้น

On Cloudeclipse เป็นรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่จาก On แบรนด์ดังจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ที่ได้ต่อยอดเทคโนโลยี CloudTec Phase ที่ถูกใช้งานครั้งแรกใน On Cloudsurfer และในรุ่นนี้ได้มาในรูปแบบที่หนาขึ้น พร้อมกับการกลับมาของ Speedboard อีกด้วย สำหรับรองเท้าวิ่งรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร มาติดตามรีวิวกัน

พื้นชั้นกลางโฟม Helion เทคโนโลยี CloudTec Phase สองชั้น

ในรุ่นนี้ยังคงใช้งานเทคโนโลยี CloudTec Phase โดยใช้หลักการล้มของโดมิโน่ที่ผ่านการคำนวณจากข้อมูลนักวิ่งด้วยคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้งาน ซึ่งการเจาะรูและจัดเรียงองศาในพื้นชั้นกลางจะมอบความลื่นไหลในขณะวิ่ง ช่วยให้วิ่งได้อย่างเป็นธรรมชาติได้ดี และได้มีการใช้งานพื้นชั้นกลางโฟม Helion ที่เป็นซุปเปอร์โฟมของทางแบรนด์และมาในรูปแบบที่หนามากขึ้นกว่าเดิม เป็น CloudTec Phase 2 ชั้น หรือเรียกว่า Double CloudTec Phase ก็ว่าได้ และแน่นอนว่ายังคงรูปทรงคานโค้ง Meta-rocker shape อยู่เช่นเคย

แผ่น Speedboard กลับมาอีกครั้ง

ใน On Cloudsurfer ได้มีการถอดแผ่น Speedboard ออกไป และนำเทคโนโลยี CloudTec Phase เข้ามาใช้งาน ในรุ่นนี้ก็กลับมาพร้อม Speedboard แล้ว แต่ตำแหน่งการวางไม่เหมือนเดิม โดยตามปกติ On จะวาง Speedboard เหนือโฟมพื้นชั้นกลาง ทำให้แผ่นถูกวางชิดติดกับฝ่าเท้า มีแค่แผ่นรองเท้าด้านในมาซ้อนทับอีกชั้นเท่านั้น และเมื่อเหยียบลงมาก็จะเจอแผ่นก่อนตัวโฟม ทำให้หลายๆ คนที่สัมผัสแล้วก็ไม่รู้สึกนุ่มเท่าที่ควร เพราะจะรู้สึกถึงความแข็งของแผ่นก่อนที่จะยุบตัวไปที่โฟม ซึ่งในรุ่นนี้จะมีการวางแผ่น Speedboard มาด้านใต้ของโฟมแทน เพราะฉะนั้นจะทำให้เท้าของเราสัมผัสความนุ่มแบบชัดเจน ก่อนที่ Speedboard ที่วางไว้ใต้ฝ่าเท้าจะช่วยในเรื่องของความมั่นคงและเสริมแรงส่งคืนกลับมา และยังป้องกันไม่ให้โฟมบิดตัวเพื่อป้องกันการบาดเจ็บได้ และพื้นชั้นนอกยังมีการปรับแพทเทิร์นใหม่ เพื่อช่วยให้ยึดเกาะในสภาวะต่างๆ ได้ดีขึ้น

อัปเปอร์ผ้าตาข่าย Engineermesh

อัปเปอร์ผ้าตาข่าย Engineered mesh ทาสีด้วยเทคโนโลยี Dope dye ช่วยให้ประหยัดน้ำในการผลิตมากขึ้น มีการเสริมความมั่นคงของหน้าเท้าด้วยการปักทอโครงสร้างเชื่อมเข้ากับระบบเชือกเหมือนกับ On Cloudsufer แต่มีการปรับลิ้นรองเท้าให้บางลง รวมถึงการบุนวมด้านในเท้าก็มีความบางลงกว่า Cloudsurfer ด้วยเช่นกัน

และแน่นอนว่ายังคงใส่ตราสวิสที่บ่งบอกถึงที่มาของแบรนด์และมอบความมั่นใจว่าจะได้รองเท้าคุณภาพตามมาตรฐานของสวิสเซอร์แลนด์ด้วยนั่นเอง

ประสิทธิภาพการสวมใส่

อัปเปอร์มาในรูปแบบลักษณะเดียวกันกับ Cloudsurfer ที่มีเส้นโครงสร้างเชื่อมกับระบบเชือก แต่มีการปรับความหนาของหน้าผ้าช่วยให้ใส่สบายขึ้น หน้าเท้ากว้างสวมใส่ก็ถือว่าโอเคเลย สามารถใส่ตรงไซซ์ได้

ส่วนลิ้นรองเท้าที่บางลงก็มอบความสบายไม่อึดอัด แถมยังให้ความยืดหยุ่นที่ดี และบริเวณส้นเท้าก็ไม่บุนวมหนา ทำให้รู้สึกสบาย แต่ก็ยังล็อคส้นเท้าได้ดี ไม่หลุดง่าย และการระบายอากาศของรองเท้ารุ่นนี้ถือว่าทำได้ดี ไม่รู้สึกร้อนเท้า

เมื่อออกวิ่ง พื้นชั้นกลางโฟม Helion ก็มอบความนุ่มเด้งได้ดี และไม่มีแผ่น Speedboard มาติดฝ่าเท้าก็ทำให้รู้สึกถึงความนุ่ม และพอทำงานร่วมกับ CloudTec Phase ก็จะช่วยให้เวลากดน้ำหนักลงเท้า ตัวโฟมก็จะช่วยรองรับแรงกระแทกและเอียงตัวไปข้างหน้า หลังจากนั้นก็จะคืนตัวช่วยให้ไปข้างหน้าได้ดีขึ้น และแผ่น Speedboard ก็จะช่วยเสริมส่งคืนอีกด้วย แต่เวลาวิ่งจะมีจังหวะที่ต้องรอยุบตัวและคืนตัวกลับมา หากใครที่ชอบรองเท้าวิ่งตอบสนองเร็วๆ อาจจะไม่ถูกใจหลักการทำงานของพื้นชั้นกลางรุ่นนี้ได้

และถึงแม้โฟมจะหนาขึ้นจนมีน้ำหนัก 291 กรัมในไซซ์ 10US ผู้ชาย แต่เวลาวิ่งก็ไม่ได้รู้สึกหนักขนาดนั้น ก็น่าจะเป็นเพราะตัวโฟมที่นุ่มเด้งและการใช้เทคโนโลยีแบบนี้ทำให้วิ่งได้เรื่อยๆ อีกทั้งการเติมแผ่น Speedboard ก็จะทำให้เร่งความเร็วได้ดีขึ้นด้วย

เรื่องการยึดเกาะ ก็ไม่ได้ถือว่าแย่อะไร มอบการยึดเกาะได้ดี และยังมีความยืดหยุ่น งอเท้าได้ง่าย ในด้าความทนทานก็ถือว่าไม่ได้พบจุดสึกหรออะไร เมื่อวิ่งบนพื้นปูนหยาบ และพื้นชั้นนอกที่ให้มาก็ถือว่าค่อนข้างหนาและแข็งแรงเลย

สรุป On Cloudeclipse ดีไหม? เหมาะกับใคร?

โดยรวมเป็นรองเท้าวิ่งที่มีคุณภาพการผลิตที่ดี งานประกอบที่เนี๊ยบ มีดีไซน์ที่สวยงาม สวมใส่ได้สบายเท้า และการเพิ่มความหนาของพื้นชั้นกลางและเสริมด้วย Speedboard เข้ามาก็ทำให้วิ่งได้สนุกขึ้น ส่วนตัวมองว่า Cloudsurfer มอบความนุ่มเป็นหลัก แต่ Cloudeclipse มอบความครบรสได้เลย ทั้งนุ่ม ไหลลื่น และมีแร่งส่ง อีกทั้งดีไซน์ยังสวยงามตามแบบฉบับของรองเท้า On อีกด้วย แต่จะมีจุดที่ไม่ค่อยโอเคเท่าไรก็คือแผ่น Speedboard ที่ถูกวางด้านล่างของโฟมที่จะให้ฝ่าเท้าได้สัมผัสโฟมแบบเต็มๆ แต่แผ่น Speedboard เองก็จะมาใกล้กับพื้นมากขึ้น เวลาจังหวะลงเท้าก็จะทำให้แผ่น Speedboard กระทบกับพื้นและทำให้เกิดเสียงและเป็นรอยได้

ส่วนตัวมองว่ารองเท้าวิ่งรุ่นนี้เหมาะกับการสวมใส่วิ่งในทุกๆ วัน เหมาะสำหรับวันสบายๆ ไปได้แบบเรื่อยๆ มีจังหวะสปริงให้รู้สึกเด้งสนุก และยังรองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ใครที่กำลังมองหารองเท้าวิ่งแนวนี้อยู่ ก็ถือว่ารุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ สามารถหาซื้อได้ที่ On running ทุกสาขาและร้านค้าที่ร่วมจำหน่าย หรือทางออนไลน์ในราคา 7,400 บาท

ข้อมูลรองเท้า

Exit mobile version