รีวิว Nike ZoomX Invincible Run Flyknit 2 รองเท้าวิ่งพื้นซุปเปอร์โฟม นุ่ม เด้ง รองรับแรงกระแทกได้ดี

Nike ZoomX Invincible Run Flyknit 2 รองเท้าวิ่งแนว Daily trainer ที่อยู่ในโปรเจกต์ Run Fearless ที่ต้องการลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการวิ่ง ด้วยการออกแบบ การพิสูจน์โดยวิทยาศาสตร์ และผ่านการรับรองจากนักวิ่ง จึงทำให้รองเท้ารุ่นมีการซัพพอร์ตที่ดี และเหมาะกับการวิ่งระยะไกล และในบทความนี้เราจะมารีวิวรองเท้าวิ่งรุ่นนี้กัน

พื้นชั้นกลาง ZoomX

ในปีที่แล้ว Nike ZoomX Invincible Run เป็นรองเท้าวิ่งที่ทำให้นักวิ่งหลายๆ คนรู้สึกตื่นเต้น ด้วยการนำเอาซุปเปอร์โฟมอย่าง ZoomX ที่มีความนุ่ม น้ำหนักเบา และมีแรงส่งคืนที่ดี ซึ่งตามปกติมักจะอยู่ในรองเท้าวิ่งแข่งขันของไนกี้มาใช้งานในรองเท้าวิ่งใส่ซ้อมทั่วไป และยังเป็นแบบเต็มความยาวเท้าอีกด้วย โดยในรุ่นใหม่นี้ยังคงใช้ระบบพื้น ZoomX ที่เหมือนเดิม มาในรูปทรงแบบคานโค้ง Rocker Geometry ที่ให้การรองรับกับ 3 ระยะในการก้าวของนักวิ่ง ให้ความยืดหยุ่นเมื่อยกเท้าขึ้นจากพื้น ให้ย่างก้าวที่ลื่นไหลเมื่อเท้าเริ่มก้าวไปข้างหน้า และช่วยลดแรงกระแทกเมื่อเท้าสัมผัสกับพื้น พร้อมกับการสกรีน Nike ZoomX ที่ด้านนอก และตั้งแต่ช่วงกลางเท้าจนไปถึงส้นเท้าก็จะเป็นการเจาะลวดลายแบบเดิม

พื้นรองเท้าชั้นนอกลายวาฟเฟิล

ยังคงใช้พื้นชั้นนอกลายวาฟเฟิลแบบเดิม ซึ่งลวดลายนี้ได้ถูกออกแบบมาจากการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้มีการยึดเกาะได้ดี พร้อมกับมีแผ่นยางติดไว้ตรงปลายเท้าใต้นิ้วก้อยและส้นเท้าด้านในเช่นเคย

ดีไซน์และวัสดุ

ในส่วนของหน้าตาที่อาจจะดูไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่ก็ถือว่ามีการปรับปรุงมาเล็กน้อย โดยมีการปรับลวดลายผ้าถัก Flyknit ใหม่ แต่ก็ยังคงเป็นผ้าถักในรูปแบบที่แข็งแรงเหมือนรุ่นก่อน ไม่ได้โอบรัดและยืดหยุ่นเข้ากับเท้าพร้อมมีการถักลายเสริมความแข็งแรงด้านข้างบริเวณนิ้วโป้งและนิ้วก้อย พร้อมวางแถบสะท้อนแสงไว้ทั้ง 2 จุดด้วย ซึ่งการถักแบบใหม่นี้ทำให้ Toe box มีพื้นที่ด้านในมากขึ้น และหน้าผ้าไม่ตกลงมาโดนนิ้วเท้าแล้ว

ตรงกลางเท้า มีการวาง Swoosh เอาไว้ โดยด้านนอกยังเป็นเส้น TPU แบบเดิม แต่ไม่หนาเท่ารุ่นแรก พร้อมปรับ Swoosh ด้านในเป็นขนาดเล็กแทน

ส่วนลิ้นรองเท้าก็ยังคงมาในรูปแบบหนาเหมือนเดิม แถมยังมีความแข็งแรงมากขึ้นด้วย และเชือกรองเท้าก็มีการเปลี่ยนจากแบบแบนเส้นใหญ่มาใช้แบบกึ่งกลม

ตรงรอบๆ ข้อเท้าจากหน้าผ้าลื่นๆ ก็เป็นผ้าตาข่าย รวมถึงช่วงส้นเท้าก็มีการใช้ผ้าตาข่ายแทน และมีการนำ Heel Cup ออกมาด้านนอกแล้ว โดยยังมีแผ่น Heel Counter ด้านในอยู่เหมือนเดิม ส่วนด้านหลังก็จะเป็นแผ่นสะท้อนแสง

ประสิทธิภาพและความรู้สึกในการสวมใส่

ในการสวมใส่ครั้งแรก ยังแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากเดิมมากนัก แต่รับรู้เลยว่าบริเวณ Toe Box รู้สึกสบายขึ้น ลิ้นรองเท้าหนานุ่มกำลังดี และรอบๆ ข้อเท้าที่มีการบุฟองน้ำหนาก็ทำให้รู้สึกสบายและแน่นกระชับรอบๆ ข้อเท้าได้ดี เชือกรองเท้าที่เปลี่ยนแบบใหม่ก็ถือว่าทำได้ดี มัดทบเดียวแล้วเอาอยู่ ไม่ดูเทอะทะ แถมแถบ TPU รอบๆ รูร้อยเชือกที่ไม่ได้มาเป็นแถวแบบรุ่นแรกก็ทำให้รู้สึกรองเท้ามีความยืดหยุ่นมากขึ้น

ในส่วนของการระบายอากาศทำได้ไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีจนรู้สึกถึงลมพัดเข้ามาแบบรุ่นที่เน้นความเบาบาง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอับร้อนแต่อย่างใด ส่วน Heel clip และ Heel Counter ตรงส้นเท้าก็ทำหน้าที่ล็อคส้นเท้าได้ดี ล็อคกระชับไม่หลุด

ในจังหวะวิ่งหรือยกเท้าผ้าถัก Flyknit ก็มีความแข็งแรง ไม่รู้สึกถึงอาการแยกตัวของอัปเปอร์และพื้นชั้นกลางเลย ถือว่า Flyknit ทำมาได้แข็งแรงดีมากๆ ส่วนตัวคิดว่าพื้นชั้นกลางโฟม ZoomX ก็ไม่ได้มีน้ำหนักเยอะมากด้วย ทำให้ยังรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยู่ โดยรุ่นใหม่นี้มีน้ำหนักที่เบากว่ารุ่นแรกถึง 10 กรัม (น้ำหนัก 304 กรัม ในไซส์ 10US ผู้ชาย)

ส่วนความนุ่มจากพื้นชั้นกลาง ZoomX นั้นยังจัดเต็มเช่นเคย มีความนุ่มและเด้งมากๆ รองรับแรงกระแทกได้ดี และให้แรงส่งคืนที่ดีมากๆ เด้งแบบสุดๆ จังหวะลงเท้าไปแล้วตัวโฟมจะยุบลงนิดนึงแล้วเด้งส่งคืนกลับมา ทำให้เวลาวิ่งเรารู้สึกถึงการประหยัดแรงไปได้เยอะ ถือว่าวิ่งได้สนุกเลย และพื้นชั้นกลางของรุ่นนี้ยังมาในแบบทรงโค้ง rocker-geometry คอยรองรับแรงกระแทกตั้งแต่การลงส้นเท้า กลางเท้า และปลายเท้า อีกทั้งยังช่วยให้การวิ่งไหลลื่นมากขึ้นด้วย แต่พอลองอัดเร็วมากกว่านั้น รู้สึกว่าโฟมจะยุบตัวมากไป เนื่องจากไม่มีแผ่นคาร์บอนคอยช่วยค้ำเอาไว้ ส่วนตัวรู้สึกว่าเหมาะสำหรับการวิ่งเรื่อยๆ ชิลๆ ไปแบบเรื่อยๆ มากกว่า

อีกทั้งตัวพื้นชั้นกลางด้านในยังมีการออกแบบเสริมขึ้นมารับเข้ากับอุ้งเท้า เวลาเหยียบลงพื้นก็จะทำให้รู้สึกนุ่มไปทั้งฝ่าเท้าเลย และบริเวณหน้าเท้าก็ออกแบบให้มีความกว้างกว่าอัปเปอร์ ช่วยให้เวลาลงเท้ามีความมั่นคง ลงได้เต็มเท้า ไม่เพียงแต่ช่วงหน้าเท้าเท่านั้น บริเวณส้นเท้าก็มียื่นออกมาด้านหลังและขยายออกด้านข้างเยอะเช่นเดียวกัน ทำให้คนที่วิ่งลงส้นนั้นถูกดูดซับแรงกระแทกไปได้เยอะมาก และค่อยๆ ไหลไปกลางเท้าและหน้าเท้าตามหลังของพื้นทรงโค้งเลย

การวางตำแหน่งของพื้นยางลายวาฟเฟิลด้านนอก ก็มีผลต่อการวิ่งเหมือนกัน โดยเฉพาะจุดตรงปลายเท้าและส้นเท้า ในความรู้สึกส่วนตัวเหมือนว่าจะช่วยให้เราวางเท้าและจังหวะไหลไปก้าวเท้าได้สมูทขึ้นและวางเท้าได้อย่างถูกต้องมากขึ้นด้วย เวลาวิ่งเสร็จก็ไม่ได้รู้สึกปวดขาหรือระบมแต่อย่างใด ถือว่ายังช่วยลดอาการบาดเจ็บ หรือลดความปวดร้าวจากการวิ่งได้ดี ส่วนการยึดเกาะถือว่าได้ดี แต่ว่าส่วนที่สึกก็จะเป็นจุดเล็กๆ ที่อยู่ตามลายจุดวาฟเฟิลจะถูกเสียดสีและหายไปค่อนข้างเร็ว แต่พื้นยางส่วนหลักๆ ก็ยังถือว่าพอทนทานอยู่

สรุป Nike ZoomX Invincible Run Flyknit 2 ดีไหม? เหมาะกับใคร?

ส่วนตัวยังคงมองว่าไม่ต่างจากรุ่นแรกมากนัก ถือว่าเป็นรองเท้าวิ่งที่มีความนุ่ม รองรับแรงกระแทกได้ดี และมีแร่งส่งคืนที่ดีมากๆ ช่วยให้เราวิ่งได้ไกลขึ้นโดยใช้แรงเท่าเดิม เพราะตัวโฟม ZoomX มีการเด้งส่งเท้าได้ดีมากๆ รวมถึงการออกแบบพื้นชั้นกลางที่คอยซัพพอร์ตเท้า และพื้นชั้นกลางทรงโค้งก็ช่วยทำให้เราวิ่งได้อย่างลื่นไหล และจังหวะลงเท้าก็กระจายแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับใส่วิ่งในทุกๆ วัน และวิ่งแบบ Long run ได้เลย

ใครที่กำลังมองหารองเท้าไว้ใส่ซ้อมในทุกๆ วัน ที่ต้องการรองเท้าวิ่งนุ่มๆ เด้งๆ ซัพพอร์ตเท้าได้ดี หรือเอาไว้ใส่ซ้อมวิ่งระยะไกล รองเท้าวิ่งรุ่นนี้ ถือว่าตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน และถ้าใครที่อยากจะลองสวมใส่ก็สามารถไปลองได้ที่ร้าน Nike ตามสาขาต่างๆ ของ iam247 ได้เลย เพราะตอนนี้มีวางจำหน่ายหลากหลายสีแล้ว ราคา 6,700 บาท

ข้อมูลรองเท้า

Exit mobile version