รีวิวรองเท้าวิ่ง Nike Alphafly 3 เป็นมิตรมากขึ้น แรงส่งคืนชัดเจน

หลังจากที่ได้ทำการแกะกล่อง พาชม Nike Alphafly 3 สี Proto ไปก่อนหน้านี้ และจากที่ได้ลองใช้งานออกวิ่งมาสักพัก ในบทความนี้ก็จะมารีวิวในด้านประสิทธิภาพการสวมใส่ และความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับรองเท้าวิ่งระดับท็อปรุ่นใหม่ของค่ายนี้จะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันครับ

ถ้าไม่อยากอ่าน เชิญรับชม คลิปวิดีโอรีวิวได้เลย

ที่มาที่ไปของ Nike Alphafly 3

Alphafly 3 เป็นรองเท้าวิ่งรุ่นล่าสุดจากตระกูล Alphafly ซึ่งรองเท้าวิ่งตระกูล Alphafly นั้นได้มีการเผยโฉมครั้งแรกกับการวิ่งทำลาย 2 ชม. ของ Eliud Kipchoge ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียกับงาน INEOS 1:59 ที่เป็นงานวิ่งแบบปิดสำหรับเจ้าตัวโดยเฉพาะ และก็ได้ทำเวลาไปได้ 1:59:40 ชั่วโมง เป็นการทำลายกำแพง 2 ชั่วโมงอย่างไม่เป็นทางการ และหลังจากงานนี้ก็ทำให้ World Atletics ได้ออกกฏสำหรับรองเท้าวิ่งออกมาที่ห้ามพื้นสูงเกิน 40 มม. และมีแผ่นคาร์บอนได้เพียง 1 แผ่นเท่านั้น เนื่องจากข่าวลือตอนแรกของ Alphafly จะมีแผ่นคาร์บอนด้วยกันถึง 3 แผ่น และมีพื้นที่สูงมาก ซึ่งรองเท้าที่เจ้าตัวใส่วิ่งในครั้งนั้นก็ยังเป็นความลับว่ามีสเปกภายในอย่างไรบ้าง และใน Alphafly NEXT% รุ่นแรกที่ออกมาวางจำหน่ายช่วงต้นปี 2020 ก็เป็นอย่างที่หลายๆ ท่านได้สัมผัสกัน จนในช่วงกลางปี 2022 ก็ได้ปล่อย Alpahfly NEXT% 2 ออกมา และตอนนี้ก็พร้อมแล้วสำหรับรุ่นที่ 3

อัปเปอร์ Atomknit 3.0 นุ่ม กระชับเท้า สวมใส่ได้ง่ายขึ้น

หากใครที่เคยลอง Alphafly 2 ต้องบอกเลยเป็นหนึ่งในรองเท้าวิ่งที่สมใส่เท้าเข้าไปได้ยากมากๆ คู่นึง แต่การปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงในรุ่นที่ 3 นี้ ถือว่าแก้ปัญหานี้ได้หมดไปเลย ด้วยการออกแบบที่บริเวณข้อเท้าที่กว้างขึ้นรวมถึงยืดหยุ่นกว่าเดิม ทำให้การสวมใส่เท้าเข้าไปในอัปเปอร์ได้ง่าย และลักษณะของอัปเปอร์ก็จะเป็นแบบ Sock-like ที่ลิ้นรองเท้าจะเย็บติดกันกับหน้าผ้าโดยรอบ ให้ความรู้สึกเหมือนกับการสวมถุงเท้า

และรุ่นนี้ยังมีการปรับช่วงหลังเท้าให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้คนที่หลังเท้าสูงไม่รู้สึกอึดอัดมาก และยังมีการปรับรูร้อยเชือกใหม่ ซึ่งก็มอบความกระชับได้ดี แถมยังให้ความกระชับที่ข้อเท้ามากขึ้น ส่วนส้นเท้าก็มีการบุนวมนุ่ม ซัพพอร์ตกับส้นเท้าและบริเวณเอ็นร้อยหวายได้ดีเช่นกัน

ด้วยหน้าผ้า Atomknit นั้นมีรูระบายอากาศที่เยอะและกว้าง รวมถึงหน้าผ้าก็มีความบาง จึงทำให้การระบายอากาศนั้นทำได้ดีมาก เมื่อมีลมพัดก็รู้สึกได้ชัดเจน ส่วนความกระชับต้องบอกว่าทำมาได้ดีเลย สวมใส่แล้วไม่รู้สึกอึดอัดและยังไม่รู้สึกสบายจนหลวมเกินไป ส้นเท้าไม่หลวมหลุด

พื้นชั้นกลาง ZoomX พร้อมแผ่นคาร์บอน เสริมด้วย Zoom Air Pods

หากใครที่ผ่านการใช้งาน Alphafly NEXT% รุ่นแรก รวมถึง Alphafly NEXT% 2 มาแล้ว ต้องบอกเลยว่า Alphafly 3 นี้ ให้ความรู้สึกที่เป็นมิตรมากขึ้นแบบชัดเจนเลย เริ่มจากการปรับดีไซน์ของพื้นชั้นกลางซูเปอร์โฟม ZoomX ที่มีการเชื่อมต่อกันตั้งแต่ส้นเท้าไปจนถึงปลายเท้า ซึ่งการออกแบบแบบนี้ทำให้รองรับการลงเท้าได้หลากหลายรูปแบบและทำให้มีความสมูทมากขึ้น จากเดิมที่ต้องเน้นลงปลายเท้าอย่างเดียว ในรุ่นนี้ก็ตอบโจทย์สำหรับคนลงส้นเท้าหรือลงกลางเท้ามากขึ้น มีการปรับตำแหน่ง Zoom Air Pods คู่หน้าเท้าเล็กน้อย ทำให้ได้องศาการลงเท้าและเมื่อมีแรงกดผ่านแผ่นคาร์บอนที่อยู่ด้านในก็เสริมแรงกดลง Zoom Air Pods ได้อย่างเต็มที่ และมอบแรงส่งคืนที่ผลักเท้าในจังหวะตอนยกเท้าได้แบบชัดเจน ช่วยทำให้เราก้าวเท้าได้ยาวขึ้นและยกเท้าเร็วขึ้นด้วย

ส่วนตัวไม่ได้เป็นคนที่วิ่งเร็วมากนัก แต่กับรองเท้าวิ่งระดับท็อปคู่นี้ก็ยังเป็นมิตรกับเราอยู่ ไม่พาให้เร็วอยู่ตลอดเวลา ยังสามารถควบคุมความแรงได้อยู่ แต่ถ้าต้องการความเร็ว และออกแรงเพิ่มอีกนิด ก็เด้งและพุ่งแล้ว แถมยังมีการรองรับแรงกระแทกที่ดีด้วย ส่วนตัวรู้สึกถึงการช่วยประหยัดแรง เพราะออกแรงไม่มาก แต่ได้ความเร็วที่เร็วขึ้น และถ้าใครที่เป็นขาแรงอยู่แล้วก็รีดประสิทธิภาพรองเท้าได้ดีแน่นอน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับท่าวิ่งของแต่ละคนด้วย

ด้านความมั่นคงต้องบอกเลยว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเพิ่มความกว้างของฐานพื้นชั้นกลางเข้ามา ทำให้ยืนและวิ่งได้อย่างมั่นคงกว่าเดิม รวมถึงมีการปรับบริเวณอุ้งเท้าที่ทำให้เท้าคนเอเชียแบบเราๆ ไม่ถูกเสียดสีแล้ว แต่ถ้าใครที่มีรูปเท้าแบนอาจจะยังรู้สึกอุ้งเท้าลอยและถูกเสียดสีอยู่

พื้นชั้นนอก Fast shot

นอกจากจะมีการปรับดีไซน์พื้นชั้นกลางใหม่แล้ว พื้นชั้นนอกก็ยังมีการปรับใหม่และมีชื่อเรียกว่า Fast shot มาในลวดลายใหม่ มีการใช้ยางใต้บริเวณ Zoom Air Pods ซึ่งการยึดเกาะ ถือว่าอยู่ในระดับที่โอเค เรื่องความทนทานก็รู้สึกว่ามีความทนทานที่มากขึ้น แต่ต้องระวังในส่วนที่ไม่มีพื้นยางชั้นนอก เพราะตัวโฟมจะโดนเสียดสีกับพื้นถนนโดยตรง และเวลาวิ่งก็ยังคงมีเสียงดังเช่นเคย

การเลือกไซซ์

ส่วนตัวยังคงเลือกตรงไซซ์กับรองเท้าวิ่งทั่วไป โดยใส่ 10US เท่ากับ Alaphfly NEXT% และ Alphafly NEXT% 2 สวมใส่ได้พอดีกระชับรอบเท้า ใครที่มีเนื้ออุ้งเท้าเยอะ อุ้งเท้าก็ลอยออกมาชัดเจน แต่ก็รู้สึกถึงความสบายที่อุ้งเท้ามากขึ้นกว่ารุ่นแรกเป็นอย่างมาก

สรุป รองเท้าวิ่ง Nike Alphafly 3 ดีไหม? เหมาะกับใคร?

เป็นการปรับปรุงออกมาให้เป็นมิตรกับทุกคนได้เป็นอย่างมาก และไม่เพียงเหมาะกับสายวิ่งทั่วไปแล้ว ก็ยังเหมาะกับสายทำความเร็วและระยะไกลอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาทวงบัลลังก์รองเท้าวิ่งระดับท็อปได้อย่างเต็วตัว ด้วยการออกแบบพื้นชั้นกลางใหม่ การเพิ่มความกว้างของฐานและความกว้างของแผ่นคาร์บอน รวมถึงการปรับองศา Zoom Air Pods คู่หน้าเท้า ทำให้การวิ่งสมูทไหลลื่นเป็นธรรมชาติมากขึ้น มั่นคง และรู้สึกวิ่งได้สนุกขึ้น สิ่งที่ไม่ชอบก็คือเสียงในจังหวะที่ลงเท้าก็ยังคงมีเสียงดังเช่นเคย ใครที่กำลังมองหารองเท้าวิ่งสำหรับใส่วิ่งระยะไกลที่รองรับแรงกระแทกดีๆ รวมถึงมีแรงส่งคืนที่ช่วยให้เราประหยัดแรง และมีงบถึง รุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ใครที่พลาดสี Proto ไป เดี๋ยวไนกี้ ก็มีการออกสีใหม่มาเรื่อยๆ สามารถไปติดตามกันได้ที่ร้าน Iam247 และเว็บไซต์ ไนกี้ ประเทศไทย https://invol.co/clkdbhe

ข้อมูลรองเท้า Nike Alphafly 3

Exit mobile version