รีวิว Nike Alphafly 2 รองเท้าวิ่งระดับท็อป ตอบสนองและรองรับแรงกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับวิ่งระยะไกล

รีวิว Nike Alphafly 2 รองเท้าวิ่งระดับท็อป ตอบสนองและรองรับแรงกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับวิ่งระยะไกล

ได้ทดสอบเสียทีกับรองเท้าวิ่งระดับท็อปของฝั่งไนกี้กับ Nike Air Zoom Alphafly Next% 2 หรือในช่วงหลังที่เรียกสั้นๆ กันว่า Alphafly 2 ที่เปิดตัวมาในช่วงเดือนมิถุนายน 2022 ที่ผ่านมา และสำหรับรองเท้าวิ่งรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร มาติดตามรีวิวกันเลย

ถ้าไม่อยากอ่านรีวิว เชิญรับชมคลิปวิดีโอรีวิวได้เลย

อัปเปอร์ Atomknit 2.0 กระชับแนบเท้า

อัปเปอร์ใช้ผ้าถัก Atomknit 2.0 โดยยังคงเน้นในเรื่องของน้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี และกระชับเท้า จะเห็นได้ว่ามีการถักให้ความความหนาแน่นที่แตกต่างกัน จะมีรูระบายอากาศชัดเจนตรงช่วงกลางเท้า ส่วนลิ้นรองเท้าเท้าจะมีแผ่นเสริมเข้ามาเพื่อไม่ให้แรงกดจากการมัดเชือกกดทับมากเกินไป

และมีการปรับเปลี่ยนระบบเชือกใหม่ เป็นเป็นเส้นเชือกอีกแถวร้อยในแนวขวางกับแนวเชือกปกติ และตัวเชือกก็ยังคงเป็นเชือกที่ถักด้านข้างเพื่อให้มัดทบเดียวแล้วไม่ลื่นหลุดง่ายในขณะวิ่ง ส่วนตรงส้นก็มีการปรับให้ดูมีความนุ่มสบายส้นเท้ามากขึ้น

ปรับโครงสร้างพื้นชั้นกลางใหม่

สำหรับรุ่นใหม่นี้ ได้มีการปรับโครงสร้างของพื้นชั้นกลางจาก Alphafly Next% ในรุ่นแรก ยังคงใช้พื้นชั้นกลางซูเปอร์โฟม ZoomX โฟมที่มีความนุ่มและมีแรงส่งคืนที่ดีที่สุดของทางไนกี้มาใช้งานแบบเต็มความยาวเท้าใช้ชั้นบน และใช้อีกชิ้นที่บริเวณหน้าเท้า รวมถึงมีการเพิ่มเนื้อโฟมใต้ Zoom Air Pods แบบคู่ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มการตอบสนองที่ดีมากขึ้นกว่าเดิม และอีกชิ้นก็จะเป็นบริเวณส้นเท้าที่มีดีไซน์แยกส้นเท้าและเผยให้เห็นแผ่นคาร์บอน Nike Flyplate จากด้านใต้รองเท้า

นอกจากนี้ส้นเท้ายังมีการปรับดีไซน์ใหม่ ไม่แหลมแบบเดิมแล้ว โดยจะเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมแทน แต่ก็ยังมีลักษณะที่ส้นเท้ายื่นออกมาคล้ายแบบเดิม และช่วงส้นเท้ายังมีฐานที่กว้างขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า ทำให้มีความมั่นคงมากกว่าเดิม

พื้นชั้นนอกลายวาฟเฟิลแบบใหม่

ในรุ่นนี้ได้มีการปรับลวดลายพื้นชั้นนอกใหม่ มีการใช้ลวดลายวาฟเฟิลเข้ามาสลับกับการเจาะรูบนพื้นยาง และยังคงเจาะรูตรงกลางตรงบริเวณหน้าเท้าเพื่อลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็นออกไป พร้อมกับโชว์แผ่นคาร์บอนให้เห็นแบบเต็มๆ

ประสิทธิภาพการสวมใส่

สำหรับผ้าถัก Atomknit 2.0 ก็ยังคงเป็นผ้าถักที่ไม่ได้มีความยืดมากมายนัก แต่จะเป็นเส้นใยที่มีความแข็งแรงและมีรูระบายอากาศเยอะ สามารถมองเห็นสีของถุงเท้าจากด้านนอกได้อย่างชัดเจน และจะมีบางบริเวณที่จะเป็นแบบผ้ายืด ซึ่งหลักๆ ก็จะเป็นช่องรอบๆ ข้อเท้าเพื่อให้มีการขยายสำหรับการสวมเท้า ซึ่งรุ่นนี้มีช่องที่แคบกว่ารุ่นก่อนหน้าและในการสวมใส่ถือว่าค่อนข้างใส่ยาก ต้องดึง Pull tab ที่ลิ้นรองเท้าและส้นเท้าจากนั้นก็ต้องพยายามสวมเท้าเข้าไป หากใครที่ใช้ถุงเท้าที่ไม่กระชับเท้าจะทำให้ถุงเท้าถูกดึงจนแน่นนิ้วเท้าเกินไป แต่ถ้าสวมเข้าไปได้ จะรู้สึกกระชับเท้าได้ดีมาก

ในรุ่นนี้ได้มีการเสริมแพดนวมนุ่มที่ส้นเท้าให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและซัพพอร์ตมากขึ้น ทำให้มีความกระชับมากขึ้นที่เอ็นร้อยหวายและมีความนุ่มไม่เสียดสี นอกจากนี้ด้านในที่มีการปรับช่วงอุ้งเท้าให้กว้างขึ้น ในรุ่นี้รู้สึกถึงการแทงอุ้งเท้าที่น้อยลง จากรุ่นแรกที่รู้สึกว่าใส่วิ่งได้ไม่เยอะ ก็รู้สึกปวดอุ้งเท้าแล้ว แต่ในรุ่นนี้ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น แต่พอวิ่งยาวๆก็ยังรู้สึกเจ็บที่บริเวณที่อุ้งเท้าอยู่ แต่ก็ถือว่าดีกว่ารุ่นก่อนหน้าเป็นอย่างมาก

ด้วยโครงสร้างที่คล้ายเดิมด้วยการใช้งาน Zoom Air Pods ที่หน้าเท้า การวิ่งจึงยังคงเน้นการลงปลายเท้าเพื่อกดให้ Zoom Air ทั้งคู่ทำหน้า โดยจะทำหน้าที่ทั้งรองรับแรงกระแทกและเสริมแรงส่งคืนกลับมา ด้วยซูเปอร์โฟม ZoomX ที่มีความนุ่มและแรงส่งคืนได้ดีพร้อมกับแผ่นคาร์บอน FLYPLATE ที่ช่วยเรื่องการตอบสนอง พร้อมแรงส่งคืนกลับมาที่รู้สึกว่าพุ่งแบบชัดเจน ทั้งนี้ได้มีการปรับดรอป 4 มม. มาเป็น 8 มม. และปลายเท้ายังมีดีไซน์โค้ง จึงทำให้การวิ่งไหลไปข้างหน้าได้อย่างสมูทกว่าเดิม

ได้ลองวิ่งที่หลากหลายความเร็ว ส่วนตัวยังมองว่าสามารถวิ่งเพซ 7-8 ได้ แต่อาจจะต้องเน้นการลงเท้าที่หน้าเท้าเพื่อให้น้ำหนักกดลงมาที่ Zoom Air และจังหวะที่เร่งความเร็วก็ยังถือว่าทำได้ดี แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ากดแล้วมาขนาด Vaporfly รวมถึงไม่ต้องรอจังหวะยุบตัวและคืนตัวของ Zoom Air แบบรุ่นก่อน การที่เพิ่มเนื้อโฟมใต้ Zoom Air ที่หน้าเท้าทำให้มีความรู้สึกแน่นที่หน้าเท้ามากกว่าเดิม จึงทำให้การวิ่งรู้สึกลื่นไหลขึ้นกว่าเดิม ซึ่งคิดว่ารุ่นนี้จะเหมาะกับการวิ่งที่ความเร็วคงที่ในระยะไกลมากกว่าเน้นอัดเร่งสปีด เนื่องจากมีการรองรับแรงกระแทกที่มากกว่าและการวางเท้าที่ค่อนข้างมั่นคงและสมูทขึ้น

ในด้านการยึดเกาะ ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี เรื่องความทนทานก็รู้สึกว่ามีความทนทานที่มากขึ้น แต่ต้องระวังในส่วนที่ไม่มีพื้นยางชั้นนอก เพราะตัวโฟมจะโดนเสียดสีกับพื้นถนนโดยตรง และเวลาวิ่งก็ยังคงมีเสียงดังเช่นเคย

การเลือกไซซ์

ส่วนตัวยังคงเลือกตรงไซซ์กับรองเท้าวิ่งทั่วไป โดยใส่ 10US เท่ากับ Alaphfly 1 ก็ยังสวมใส่ได้พอดีกระชับรอบเท้า ใครที่มีเนื้ออุ้งเท้าเยอะ อุ้งเท้าก็ลอยออกมาชัดเจน แต่ก็รู้สึกถึงความสบายที่อุ้งเท้ามากขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าชัดเจน

สรุป รองเท้าวิ่ง Nike Alphafly 2 ดีไหม? เหมาะกับใคร?

ถือเป็นรองเท้าวิ่งระดับท็อปที่ออกแบบมาสำหรับใส่วิ่งระยะไกล ด้วยความที่มีการวาง Zoom Air Pods ที่หน้าเท้า การวิ่งจึงเน้นการลงหน้าเท้าเป็นหลักเพื่อรีดประสิทธิภาพของรองเท้าออกมาได้อย่างเต็มที่ และด้วยปลายเท้าโค้งจึงทำให้รู้สึกว่าวิ่งด้วยความสมูทและมอบความเร็วได้อย่างคงที่ ไม่ต้องคอยเร่งตัวเอง และมอบความมั่นคงที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้า รวมถึงความสบายที่อุ้งเท้าก็ปรับมาให้ใส่ได้สบายขึ้น จะมีสิ่งที่ไม่ชอบก็คือเสียงในจังหวะที่ลงเท้าก็ยังคงมีเสียงดังเช่นเคย ใครที่กำลังมองหารองเท้าวิ่งสำหรับใส่วิ่งระยะไกลที่รองรับแรงกระแทกดีๆ รวมถึงมีแรงส่งคืนที่ช่วยให้เราประหยัดแรง และมีงบประมาณสูง Nike Alphafly 2 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และตอนนี้บนเว็บไนกี้ ก็มีจัดโปรโมชั่นส่วนลดอยู่ ใครสนใจก็ไปจัดกันได้ที่ https://invol.co/clkih5e

ข้อมูลรองเท้า

Exit mobile version