หลังจากเปิดตัว ASICS METASPEED Tokyo Series รองเท้าวิ่งแข่งขันมาราธอนรุ่นใหม่ที่โตเกียวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และในบทความนี้ SNKR TODAY ก็ขอพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ ASICS METASPEED EDGE TOKYO รองเท้าวิ่งแข่งขันมาราธอนสาย Cadence รุ่นใหม่ของปี 2025 ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูแกะกล่อง พรีวิวกันเลย
ถ้าไม่อยากอ่าน เชิญรับชมคลิปวิดีโอพรีวิวกันได้เลย

ทำความรู้จัก ASICS METASPEED Tokyo Series

ในปี 2021 ทาง ASICS ได้มุ่งเน้นไปที่รูปแบบการวิ่งสองแบบที่แตกต่างกัน และได้เปิดตัวรองเท้าวิ่งสองประเภทสำหรับนักกีฬาชั้นนำ ได้แก่ “METASPEED SKY” สำหรับนักวิ่งสาย Stride เน้นการก้าวเท้ายาวและ “METASPEED EDGE” สำหรับสาย Cadence ที่เหมาะสำหรับนักวิ่งที่ก้าวสั้นแต่รอบขาถี่ หลังจากนั้นรองเท้าวิ่งแข่งขันมาราธอนของทาง ASICS ก็ได้ทำการพัฒนาและต่อยอดมาในรูปแบบการวิ่งที่แตกต่างกัน
จนในปี 2025 ก็มีการเปิดตัว METASPEED Tokyo Series ที่ใช้เทคโนโลยีโฟม FF LEAP และประกอบไปด้วยกันถึง 3 รุ่น ได้แก่

- METASPEED RAY รุ่นที่มีน้ำหนักเบาที่สุด ซึ่งหนักเพียง 129g* สำหรับนักวิ่งที่ให้ความสำคัญกับความเด้งและน้ำหนักที่เบา *27.0cm/น้ำหนักต่อข้าง
 - METASPEED SKY TOKYO ออกแบบมาเพื่อให้นักวิ่งสาย stride ก้าวเท้าไกลขึ้น และถึงเส้นชัยในจำนวนก้าวที่น้อยลง
 - METASPEED EDGE TOKYO ออกแบบมาสำหรับนักวิ่งที่ใช้จังหวะก้าวเร็ว (pitch-type) เพื่อปรับจังหวะการก้าวให้ยาวขึ้น และเข้าเส้นชัยได้ด้วยจำนวนก้าวที่น้อยลง
 
FF LEAP โฟมแบบใหม่
เบาขึ้น 15.0% เพิ่มประสิทธิภาพการเด้งกลับ 13.7% เพิ่มคุชชั่น รองรับแรงกระแทกได้ดีขึ้น 30.0% เมื่อเปรียบเทียบกับโฟม FF TURBO™ PLUS ที่ถูกใช้ในรุ่นก่อน
แกะกล่อง พาชม ASICS METASPEED EDGE TOKYO

สำหรับ METASPEED EDGE TOKYO ได้มีการปรับปรุงใหม่หมด โดยเฉพาะในส่วนของพื้นชั้นกลางที่มาการปรับดีไซน์ใหม่ เป็นแบบส้นตัดเฉียงขึ้น และการวางโฟมช่วงส้นเท้าก็เป็นการวางในรูปแแบบไม่ได้แนบชิดสนิทกัน ดูแล้วน่าจะเป็นการจงใจออกแบบมาในลักษณะนี้

และได้มีการนำโฟมใหม่ FF LEAP เข้ามาใช้งานผสมผสานกับ FF TURBO PLUS โดยรุ่นนี้จะเป็นการวาง FF LEAP ที่ชั้นบน และวาง FF TURBO PLUS ที่ชั้นล่าง พร้อมกับแผ่นคาร์บอนตรงกลางระหว่างโฟมทั้ง 2 ชั้น และมีการออกแบบจัดเรียงตำแหน่งเหมาะสำหรับนักวิ่งที่ใช้จังหวะก้าวเร็ว (pitch-type) หรือที่เรามักคุ้นเคยกับคำว่า Cadence นั่นเอง ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าช่วงปลายเท้ารอบระหว่างโฟมทั้งสองจะมีความโค้งชัดเจน

สำหรับความแตกต่างของโฟมทั้งสองชนิด จะเห็นได้ชัดเจนมาก โดย FF LEAP จะมาในโฟมสีขาว และมีชื่อโฟมติดไว้ตรงกับโฟม ส่วน FF TURBO PLUS จะออกแนวสีครีม ซึ่งหากเป็นรุ่น METASPEED SKY TOKYO จะวางสลับโฟมกัน และมีการวางแผ่นคาร์บอนอีกรูปแบบนึง องศาความโค้งที่หน้าเท้าจะน้อยกว่ามาก



ดรอป 5 มม. น้ำหนักเบากว่า METASPEED EDGE PARIS ถึง 15 กรัม โดยคู่นี้ไซซ์ 10US 28CM มีน้ำหนักเพียง 173 กรัมเท่านั้น ถือว่าเบามากๆ สำหรับรองเท้าวิ่งแข่งขันมาราธอนทั่วไป ส่วนความสูงด้วยความที่ออกแบบมาสำหรับแข่งขัน แน่นอนว่าตามกฏ 9US จะสูงไม่เกิน 40 มม. ส่วนไซซ์ที่ใหญ่ขึ้นก็อาจจะมีความสูงที่มากขึ้น

อัปเปอร์ก็มีการปรับปรุงใหม่เช่นกัน โดยเปลี่ยนมาใช้ MOTION WRAP 3.0 ที่น้ำหนักเบาและระบายอากาศดีขึ้น อีกทั้งยังให้ความกระชับเท้าที่ดี เราจะเห็นได้ถึงความโปร่งของหน้าผ้า และมีการถักทอให้มีความแข็งแรงหนาขึ้นเล็กน้อยในเฉพาะจุด ส่วนลิ้นรองเท้ายังมาในรูปแบบบางและช่วงส้นเท้าก็เสริมฟองน้ำนุ่มที่ไม่หนามากสำหรับการล็อคส้นเท้า




พื้นชั้นนอก ASICSGRIP เป็นยางที่ออกแบบมาให้มีการยึดเกาะในสภาพผิวที่หลากหลาย และมีการใช้ดีไซน์เหมือนกับ METASPEED EDGE PARIS โดยจะเน้นช่วงหน้าเท้าเป็นหลัก

ASICS METASPEED EDGE TOKYO และ ASICS METASPEED SKY TOKYO จะวางจำหน่ายในวันที่ 25 กรฎาคม 2025 นี้ ราคา 9,200 บาท ใครที่เป็นแฟน METASPEED และอยากสัมผัสการพัฒนาของโฟมใหม่ เตรียมตัวให้พร้อม




ข้อมูลจาก ASICS
			








