รีวิว ASICS GLIDERIDE 3 รองเท้าวิ่งพื้นโค้ง ออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดแรงในการวิ่งระยะไกล

ASICS GLIDERIDE เป็นรองเท้าวิ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดการสูญเสียพลังงาน ด้วยเทคโนโลยี  GUIDESOLE™  เป็นเทคโนโลยีที่มีรูปร่างโค้งตามหลักสรีระ ลดการสูญเสียพลังงาน ด้วยการทำงานที่ลดการเคลื่อนไหวบริเวณข้อเท้า ให้ความรู้สึกของการเคลื่อนไหวที่ง่ายดาย ช่วยให้นักวิ่งวิ่งต่อไปได้นานขึ้น และตอนนี้รองเท้าวิ่งตระกูลนี้ก็มาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว ในรุ่นนี้ใหม่นี้ ก็มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามรีวิวกันเลย

อัปเปอร์ผ้าตาข่าย เพิ่มความแข็งแรงด้วย 3D print

Glideride 3 ยังคงใช้หน้าผ้าตาข่าย Jacquard mesh ที่มีความนุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดีมาใช้งาน โดยมีการเน้นการระบายอากาศในช่วง Toe box อย่างเห็นได้ชัด และมีการใช้งานโครงสร้าง 3D print ในช่วงตรงกลางเท้าเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความกระชับเท้ามากขึ้น และยังคงใช้สัญลักษณ์ ASICS ขนาดใหญ่คาดตรงกลางเท้าทั้งด้านนอกและด้านใน

ลิ้นรองเท้ามีความนุ่ม หนากำลังดี ไม่เทอะทะจนทำให้อึดอัด และส้นเท้ายังคงมาในรูปแบบบุนวมหนาซัพพอร์ตดี ล็อคกระชับ ด้านในส้นเท้ามีแผ่น Heel Counter สำหรับครอบส้นเท้าเพื่อล็อคกระชับและด้านนอกมีการเย็บด้ายเพื่อเสริมโครงสร้างและดูสวยงามอีกด้วย

เปลี่ยนมาใช้โฟม FF Blast+ ร่วมกับ FLYTEFOAM Propel

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ASICS ได้พัฒนาโฟมชนิดใหม่ขึ้นมาในชื่อว่า FF Blast (FLYTEFOAM Blast) โดยถูกนำมาใช้ในรองเท้าวิ่ง ASICS Novablast เป็นรุ่นแรก และในปีนี้ก็เริ่มมีการพัฒนาออกมาเป็นโฟมใหม่ในชื่อว่า FF Blast+ ที่มีความนุ่มและมีแรงส่งคืนมากขึ้นกว่าเดิม และถูกนำมาใช้ใน ASICS GEL-NIMBUS 24 ที่มีความนุ่มมากกว่าโฟมของเอสิคซ์เป็นอย่างมาก และใน Glidride 3 ก็ได้นำ FF Blast+ วางอยู่ชั้นบนและใช้ FLYTEFOAM Propel ที่มีความนุ่มแต่แน่นกว่าแบบเต็มความยาวเท้าวางซ้อนด้านล่างล่างเพื่อความมั่นคงในระหว่างการวิ่ง

ยังคงมาพร้อมกับเทคโนโลยี GUIDESOLE™ ที่มีพื้นโค้งที่ปลายเท้าแบบชัดเจนมากๆ ออกแบบตามหลักสรีระ ลดการสูญเสียพลังงาน ด้วยการทำงานที่ลดการเคลื่อนไหวบริเวณข้อเท้า และยังออกแบบการรองรับแรงกระแทกเพื่อลดความเมื่อยล้าของขา ทำให้วิ่งได้ไกลขึ้นและนานขึ้น

พื้นชั้นนอกยาง AHAR® Plus

Glideride 3 ยังคงใช้ยาง AHAR® Plus เป็นพื้นชั้นนอก โดยยังคงใช้ดีไซน์แบบรุ่นก่อนหน้า มีการวางพื้นชั้นนอกเท่าที่จำเป็น โดยหลักจะเป็นพื้นที่สัมผัสกับพื้นถนน เพื่อตัดน้ำหนักบางส่วนออกไป และยาง AHAR® Plus ก็เป็นยางของ ASICS ที่มีความทนทานสูง

ประสิทธิภาพการสวมใส่

Glideride 3 มีดรอป 6 มม. (ส้นสูง 32 มม. /หน้าเท้าสูง 26 มม.) น้ำหนัก 282 กรัม ในไซซ์ 10US ผู้ชาย ถือเป็นน้ำหนักที่ไม่ได้หนักและก็ไม่ได้เบา เป็นน้ำหนักที่กำลังดี ส่วนความสูงของพื้นรองเท้าดูจากภายนอกนั้นอาจจะคิดว่าสูงมาก แต่ความจริงแล้วเป็นขอบของพื้นรองเท้าที่ทำสูงขึ้นมาอีกเล็กน้อย แต่เท่าที่ลองสวมใส่ก็ดูสูงขึ้นจากพื้นอยู่พอสวมควรเลย และทรงรองเท้าก็มีความสวยงามแล้วทำให้ดูขาเล็กลงอีกหน่อยนึงด้วยนะ

และเมื่อสวมใส่ครั้งแรก อัปเปอร์ก็รู้สึกถึงการซัพพอร์ทที่ส้นเท้าชัดเจน มีความกระชับ ล็อคส้นเท้าได้ดีมาก ไม่หลวมไม่หลุด ส่วนอัปเปอร์ก็ให้ความสบายที่กำลังดี พอดีเท้า ลิ้นรองเท้าก็นุ่มสบาย เชือกก็มัดได้แน่นไม่หลุดง่าย การระบายอากาศก็ถือว่าทำได้ดีเลย ไม่ร้อน ไม่อับเท้า แถมยังเข้าข้อเท้าแบบสุดๆ ไม่ต้องร้อยเชือกเข้า runner’s loop เลย

จุดเด่นของรองเท้าวิ่งรุ่นนี้ก็ยังคงเป็นเทคโนโลยี Guidesole ให้ความโค้งที่ปลายเท้าชัดเจนมากๆ ตั้งแต่ตอนเดินและตอนออกวิ่ง ช่วยทำให้เรากลิ้งเท้าได้อย่างสมูทลื่นไหล วิ่งไปได้แบบเรื่อยๆ แค่ยืนแล้วเอนตัวไปข้างหน้าก็พร้อมที่จะไหลไปแล้ว แถมยังได้ความนุ่มเด้งจาก FF Blast+ ที่วางติดกับฝ่าเท้า ในขณะวิ่งก็ให้ความรู้สึกถึงความนุ่มเด้งที่ชัดเจนมากๆ และยังมีการเสริมอุ้งเท้าขึ้นมาทำให้รู้สึกถึงการซัพพอร์ทที่ดีมากๆ

และพอ FF Blast+ ที่มีปริมาณไม่เยอะนั้น ก็ไม่ทำให้รู้สึกพื้นยวบ เพราะยังมีโฟม Flytefoam Propel วางซ้อนอยู่ชั้นล่างที่มีความหนาแน่นมากกว่า ตรงส่วนนี้ก็เพิ่มความมั่นคงในระหว่างการวิ่งได้เป็นอย่างดี และพื้นชั้นนอก AHAR® Plus ก็ให้การยึดเกาะที่เช่นเคย

ใครที่ยังไม่เคยสัมผัสดรอป 6 มม. แรกๆ อาจจะตึงๆ กล้ามเนื้อน่องเล็กน้อย เพราะฉะนั้นการใส่วิ่งครั้งแรกก็ไม่ควรฝืนวิ่งเยอะ ค่อยๆ ปรับกล้ามเนื้อกันไป จนกว่าจะคุ้นชินแล้วค่อยเพิ่มระยะหรือความเร็ว

สรุปความคิดเห็น ASICS GLIDERIDE 3 ดีไหม? เหมาะกับใคร?

ส่วนตัวมองว่าโฟม FF Blast+ ที่ ASICS พัฒนาขึ้นมาและนำมาใช้งานเป็นส่วนหนึ่งของพื้นชั้นกลางนี้ช่วยในเรื่องของการวิ่งที่สนุก มีความนุ่มและเด้ง ให้การตอบสนองทีดี และเทคโนโลยี Guidesole ก็ช่วยทำให้การวิ่งไปได้แบบเรื่อยๆ อัปเปอร์ก็มีการออกแบบมาสวยงานและมีการซัพพอร์ทที่ดีมาก ใส่แล้วไม่รู้สึกหลวม เทอะทะ แต่ก็ไม่ได้รัดเท้าจนแน่น เรียกว่าสบายแบบพอดีๆ อีกทั้งยังมีหน้าตาที่สวยงาม มีความทันสมัย เหมาะสำหรับคนที่อยากได้รองเท้าวิ่งที่มีการซัพพอร์ท การรองรับแรงกระแทกดีๆ ใส่วิ่งได้ในทุกๆ วัน และยังช่วยประหยัดพลังงานวิ่งได้นานขึ้น หรือจะเอามาสวมใส่วิ่งระยะไกลก็เหมาะตามจุดประสงค์ของรองเท้าวิ่งคู่นี้เลย

วางจำหน่ายแล้วที่ร้านเอสิคซ์, ASICS.COM, Supersports และ Supersports Online ในราคา 5,900 บาท

ข้อมูลรองเท้า

—————————–

อย่าลืมกดติดตาม กดไลค์เพจ SNKR TODAY และกด Favorite ใส่รายการชื่นชอบไว้จะได้ไม่พลาดในการติดตามข่าวสารรองเท้ารุ่นใหม่ๆ 👟👟👟

ติดตามวิดีโอรีวิวรองเท้ารุ่นต่างๆ ได้ที่ https://www.youtube.com/snkrtoday

อ่านข่าวในรูปแบบเว็บไซต์ได้ที่ https://snkrtoday.com

Exit mobile version