รีวิว adidas Adizero Adios 5 รองเท้าวิ่งสาย Racing กระชับ น้ำหนักเบา สับสนุก

adidas Adizero Adios 5 รีวิว

adidas Adizero Adios 5 รองเท้าวิ่งสาย Racing ที่ปรับปรุงมาใหม่ ใช้หน้าผ้า Celermesh และมาพร้อมพื้นชั้นกลาง Lightstrike + Boost จะเป็นอย่างไร ไปติดตามกัน

ก่อนหน้านี้เราได้ทำการแกะกล่อง พรีวิว แนะนำตัวรองเท้าวิ่ง adidas Adizero Adios 5 กันไปแล้ว วันนี้ก็ถึงแก่เวลาที่จะมารีวิวและเล่าความรู้สึกต่างๆ ในการสวมใส่คู่นี้แล้ว ซึ่งรองเท้าวิ่งรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร และมีอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย

ถ้าไม่อยากอ่าน ก็ชมคลิปวิดีโอรีวิวรองเท้าวิ่งคู่นี้กันเลย

อัปเปอร์ Celermesh สุดโปร่งสบาย แต่กระชับเท้าสุดๆ

รุ่นก่อนได้ใช้หน้าผ้า Air Mesh ที่นักวิ่งหลายๆ ท่านไม่ค่อยพอใจในเรื่องการระบายอากาศเท่าไรนัก รุ่นนี้ก็ได้นำหน้าผ้า Celermesh ที่เป็นผ้าตาข่ายชั้นเดียวมาใช้งาน แต่ยังมีโครงสร้างตาข่ายด้านในที่จะเป็นส่วนช่วยให้รองเท้าเป็นดูทรง ไม่ย้วย ซึ่งโครงสร้างตาข่ายนี้จะมอบความกระชับให้กับเท้าในขณะสวมด้วย ลิ้นรองเท้าที่บางก็ทำให้รู้สึกสบาย ไม่อึดอัดเท้า และด้วยหน้าผ้า Celermesh ที่โปร่งจนมองเห็นด้านในก็ระบายอากาศได้ดีสุดๆ

ด้านใน liner รอบๆ ข้อเท้าก็มีการบุฟองน้ำแบบนุ่มนูนขึ้นมาช่วยล็อคกระชับส้นเท้าได้เป็นอย่างดี เวลาวิ่งก็รู้สึกกระชับติดเท้าตลอด เพิ่มความมั่นใจในการวิ่งทำความเร็ว เพราะไม่ต้องมาพะวงเรื่องส้นจะหลุดหรือรองเท้าไม่กระชับเลย ทำมาได้ดีมากๆ ตัวเชือกรองเท้าก็มีความหนืดพอสมควร มัดทบเดียวก็เอาอยู่ ไม่หลุดง่าย

ดีไซน์ก็ดูเพรียวสวยงาม แถบ 3 ขีดก็เป็นเหมือนลายเขียนของพู่กัน ซึ่งได้รับแรงบันบาลใจมาจากวัฒนธรรมญี่ปุ่น ถือเป็นการให้เกียรติแก่ มิสเตอร์ โอโมริ ยอดปรมาจารย์นักออกแบบรองเท้าชาวญี่ปุ่นที่ออกแบบรองเท้าวิ่งคู่นี้ด้วย

พื้นชั้นกลาง Lightstrike + Boost มั่นคง มีแรงส่งคืนที่ดี

รุ่นนี้เปลี่ยนจากโฟม EVA มาใช้เป็น Lightstrike ที่มีน้ำหนักเบากว่า EVA ถึง 40% โดยจะถูกใช้งานล้อมรอบ Boost ไว้เพื่อช่วยดูดซับแรงกระแทกจากการลงเท้ารอบนอก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเผลอวางด้านจากด้านข้างก่อนที่จะลงหน้าเท้าเต็มๆ ตรงส่วนนี้ก็จะมาเจอ Lightstrike มาช่วยรองรับแรงกระแทกก่อนและตามด้วย Boost ตรงกลางเท้าที่จะโดดเด่นในเรื่องคุชชันนิ่งและแรงส่งคืนที่มากกว่า ทำให้การวิ่งทำความเร็วนั้นยังคงมีการซัพพอร์ตที่ดีและมีแรงส่งคืนตลอดการวิ่งด้วย

ไซส์ 9UK มีน้ำหนัก 228 กรัมต่อข้าง ถือว่ายังไม่หนักมากสำหรับรองเท้าสายเรซซิ่ง ดรอป 9.5 mm (heel: 21.5 mm, forefoot: 12 mm) แทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างกับดรอป 10 mm ที่เป็นดรอปในรองเท้าวิ่งส่วนใหญ่เลยแต่ด้วยความที่พื้นบาง ใครที่ไม่เคยใส่รองเท้าวิ่งแนวนี้อาจจะต้องปรับตัวกันสักหน่อย แต่เมื่อคุ้นแล้วก็วิ่งได้เรื่อยๆ เลย

ยาง Continetal พื้นลวดลายใหม่ ยึดเกาะได้ดี

รองเท้าวิ่งคู่นี้มาพร้อมกับยาง Continental และตรงช่วงส้นเท้าจะใช้ Adiwear พื้นชั้นนอกที่มีความทนทานสูง มีลายดอกยางเป็นเส้นเฉียงแนวขวางทำให้การยึดเกาะพื้นทำได้ดีมาก มาพร้อม Torsion System แผ่นใหญ่ตรงกลางเท้า ช่วยพยุงพื้นชั้นกลางไม่ให้บิดผิดรูปในขณะลงเท้า อีกทั้งยังเสริมความมั่นคงและแรงส่งคืนให้กับการวิ่งด้วย

ประสิทธิภาพ adidas Adizero Adios 5

โดยรวมแล้วรองเท้าวิ่งคู่นี้ทำออกมาได้ดีเลย ตอนแรกคิดว่าหน้าผ้าแบบนี้ใส่แล้วอาจจะไม่กระชับเท้าเท่าไร แต่ผิดคาด หน้าผ้า Celermesh บวกกับโครงสร้างตาข่ายที่ใช้ในรุ่นนี้มีความกระชับเท้าแต่ก็ไม่อึดอัด เวลาสวมใส่แล้วมั่นใจมากๆ การล็อคดาวน์ต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ไม่หลวมไม่หลุด ทั้งส้นเท้าและหลังเท้าก็ไม่บาด ไม่รัดจนเกินไป (สำหรับผม) หน้าเท้าก็โปร่งสบาย ใส่วิ่งนานๆ ก็ไม่ร้อนเท้าเพราะหน้าผ้า Celermesh ทำหน้าที่ระบายอากาศได้เป็นอย่างดี หากใส่ถุงเท้าที่บางหน่อยก็จะรู้สึกถึงลมพัดผ่านเลย

ส่วนพื้นชั้นกลาง Lightstrike + Boost ก็ทำออกมาได้อย่างลงตัวมากๆ เมื่อลงเต็มเท้าเราจะรู้สึกได้ถึงความนุ่มเฟิร์มบริเวณช่วงส้นเท้าเพราะ Lightstrike ซ้อนทับอยู่บน Boost ส่วนเวลาที่เราวิ่งทำความเร็วลงแต่ปลายเท้าอย่างเดียวก็รู้สึกถึงความนุ่มและมีแรงส่งคืนจาก Boost แบบเต็มๆ สับได้สนุกมากๆ ซึ่งที่บอกนุ่มนี้ก็ไม่ได้หมายถึงความนุ่มแบบรองเท้าวิ่งสายซัพพอร์ตนะ เป็นความนุ่มที่ทำได้ดีแม้พื้นจะบางแบบนี้ บวกกับพื้นชั้นนอกที่ยืดเกาะได้ดีมากๆ ทำให้วิ่งทำความเร็วได้อย่างมั่นใจ แถมยังมีน้ำหนักที่เบาอีกต่างหาก และด้วยน้ำหนักที่เบานี้เวลาเราวิ่งระยะทางไกลๆ รองเท้าก็จะไม่เป็นภาระต่อขาไม่ทำให้ล้าง่ายๆ นั่นเอง อีกทั้งรองเท้าวิ่งที่มีน้ำหนักเบาทำให้เราวิ่งทำรอบขาได้เร็วขึ้นด้วย

รองเท้าวิ่งรุ่นนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรองเท้าไว้ใส่ทำความเร็ว วิ่งแข่งขัน ใส่ได้ทุกระยะ ตั้งแต่ 5 กิโลยาวไปจนถึงมาราธอนเลน แต่เป็นรองเท้าที่จะต้องใช้ความแข็งแรงของขาและแรงของตัวเอง ใครที่วิ่งเพซ 6 ลงไปถือว่าเหมาะมากๆ ส่วนคนที่เพิ่งเริ่มหัดวิ่งหรือมีน้ำหนักตัวเยอะอาจจะไม่เหมาะกับรองเท้าวิ่งคู่นี้มากนัก แต่หากจะหาไว้มาใส่ซ้อมเพื่อฝึกกล้ามเนื้อ ฝีกการลงเท้า หรือไว้ใช้ในวันที่ฝึกทำความเร็วก็ได้อยู่ เพียงแต่ต้องระมัดระวังเรื่องการบาดเจ็บด้วย เนื่องจากรองเท้าวิ่งคู่นี้ไม่ค่อยมีซัพพอร์ตมากนัก

adidas Adizero Adios 5 ราคา 4,800 บาท

ด้วยราคาที่ไม่ถึง 5,000 บาท ถือเป็นรองเท้าวิ่งเรซซิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ส่วนตัวใส่ตรงไซส์เดิมกับ adidas Ultraboost, Ultraboost 19, Ultraboost 20 ไม่บีบ ไม่รัดแต่อย่างใด แต่ช่วงตรงกลางเท้าจะรู้สึกกระชับกว่ารุ่นอื่นๆ หากมีโอกาสแนะนำให้ไปลองที่หน้าร้านจะดีที่สุดครับ หรือจะสั่งออนไลน์ได้ที่ adidas.co.th


อย่าลืมกดไลค์เพจ SNKR TODAY และกด See First ติดดาวไว้จะได้ไม่พลาดในการติดตามข่าวสารรองเท้ารุ่นใหม่ๆ 👟👟👟

ติดตามวิดีโอรีวิวรองเท้ารุ่นต่างๆ ได้ที่ https://www.youtube.com/snkrtoday

Exit mobile version