รีวิว adidas 4DFWD 2 รองเท้าวิ่งพื้น 4D ที่ปรับอัปเปอร์ใหม่ แข็งแรงมากขึ้น

adidas 4DFWD 2 เป็นรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ที่ปรับปรุงมาจากรุ่นที่แล้ว โดยใช้งานพื้นชั้นกลาง 4D FWD CELL ที่มีการเปิดตัวออกมาในช่วงกลางปี 2021 และในรุ่นนี้ได้มีการปรับปรุงอัปเปอร์ใหม่ ที่ถือว่าเป็นจุดด้อยในรุ่นที่แล้วให้ดีขึ้น สำหรับใครที่กำลังสนใจรองเท้าวิ่งรุ่นนี้ มาติดตามรีวิวรองเท้าวิงรุ่นนี้กันเลย

ปรับปรุงอัปเปอร์ใหม่ แข็งแรงขึ้น

ในรุ่นที่แล้วได้มีการใช้ผ้าถัก Primeknit+ ซึ่งจะให้ความกระชับและยืดหยุ่นเหมือนการสวมใส่ถุงเท้า มาในรุ่นใหม่นี้ได้มีการใช้วัสดุ Primeknit+ แบบใหม่และโครงสร้างตัวรองเท้าที่ทำจากผ้าตาข่าย โดยจะใช้งานในส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเหลือเพียงแค่ส่วนลิ้นรองเท้าที่จะเป็นผ้าถักแบบยึดหยุ่น ซึ่งจะทำให้มีความแข็งแรงและซัพพอร์ทในจุดที่ต้องการและได้ความกระชับยืดหยุ่นเข้ามาในบริเวณหลังเท้า ส่วนตรงส้นเท้าก็ยังมาในดีไซน์ที่ซัพพอร์ทและเอียงหลบเอ็นร้อยหวาย ป้องกันการเสียดสีและช่วยทำให้สวมใส่รองเท้าได้ง่ายขึ้นด้วย

นอกจากนี้ยังมีการปรับระบบรูร้อยเชือกใหม่ โดยแต่ละแถวจะเป็นการร้อยเชือก 2 รู และแถวสุดท้ายจะมีการใช้ TPU เป็นแบบคล้อง โดยจุดนี้เป็นการช่วยเพิ่มความกระชับข้อเท้ามากขึ้น

พื้นชั้นกลาง 4DFWD

ย้อนกลับไปในปี 2021 นี้ ทางอาดิดาสได้พัฒนาโครงสร้างของ 4D ใหม่ ที่มาในรูปทรง bowtie-shaped (หูกระต่าย) โดยมีชื่อว่า FWD CELL หรือในปีนี้เรียกว่า 4DFWD สำหรับโครงสร้างนี้พอวางเรียกกันในลักษณะตาข่ายจะช่วยผลักให้ไปข้างหน้า (โครงสร้าง 4D เดิมและโฟมอื่นๆ จะมีแรงส่งคืนกลับมาด้านบน) และยังช่วยลด Peak braking force แรงเบรกตอนที่ลงเท้าในขณะวิ่งได้มากถึง 15% นอกจากนี้ทางอาดิดาสยังได้นำข้อมูลจากนักกีฬาที่เก็บรวบรวมไว้ 17 ปี มาพัฒนาและสร้างชุดพื้นชั้นกลางชุดนี้ ซึ่งทำให้เหมาะแก่การสวมใส่วิ่งและรองรับแรงกระแทกได้มากกว่าพื้น 4D ถึง 23% (เมื่อเทียบกับ 4D Run 1.0) และเช่นเคย อาดิดาส ได้ร่วมกับ Carbon พาร์ทเนอร์ด้านนวัตกรรมระดับโลกในการใช้เทคโนโลยี Digital Light Synthesis ที่ขึ้นรูปพื้นรองเท้าแบบ 3 มิติได้อย่างแม่นยำ 

ดรอป 11 มม. (ความหนาส้นรองเท้า 32 มม. ความหนาปลายรองเท้า 21 มม.) ถือว่ามีดรอปที่สูงและช่วยให้เรารู้สึกเอียงไปข้างหน้า ส่วนน้ำหนัก 363 กรัม ไซซ์ 9.5UK, 10US ผู้ชาย ถือว่าเป็นน้ำหนักที่ค่อนเยอะ และไม่ค่อยพบเห็นน้ำหนักในช่วงนี้บนรองเท้าวิ่งถนนทั่วไปเท่าไรแล้ว

พื้นชั้นนอกยาง Continental

ในรุ่นนี้ได้นำยางคู่ใจของอาดิดาสอย่างยาง Continental มาใช้งานเพื่อการยึดเกาะที่ดี และพร้อมใช้งานในทุกสภาพอากาศ

ดีไซน์

ในด้านดีไซน์ ต้องบอกว่ารุ่นนี้ได้ปรับปรุงหน้าตาให้ดูเป็นรองเท้าวิ่งมากขึ้นกว่าเดิม และดูแข็งแรงบึกบึนขึ้น ด้วยการใช้ผ้าตาข่ายมาผสมกับผ้าถัก และมีการใส่แถบสะท้อนแสงตรงจุดเชื่อมต่อระหว่างผ้าตาข่ายสองสีก็ทำให้มีลวดลายที่แข็งแกร่ง และยังเข้ากับความหนาของพื้นชั้นกลาง 4DFWD ได้เป็นอย่างดี ส่วนตัวมองว่าดีไซน์นี้สามารถสวมใส่วิ่งหรือใส่เดินเที่ยว ไปทำงานได้ โดยจะให้ลุคเป็นแนวสปอร์ตสไตล์มากกว่า

ความรู้สึกและประสิทธิภาพในการสวมใส่

ในส่วนของพื้นชั้นกลาง 4DFWD ที่ถูกปรับปรุงมาให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า บอกได้เลยว่าไม่มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก ด้วยโครงสร้างแบบใหม่นี้จะให้สัมผัสที่นุ่มเท้ามากกว่าพื้น 4D ของอาดิดาสทั่วไป และในจังหวะที่ลงเท้าตัวโครงสร้างก็จะยุบตัวลงเล็กน้อยและผลักไปด้านหน้า ทำให้เวลาเดินหรือวิ่งจะรู้ว่าว่ามีการขยับไปข้างหน้าอยู่ แต่ก็ไม่ได้ผลักไปข้างหน้ามากจนน่ารำคาญ

ในส่วนของการรองรับแรงกระแทกก็ถือว่าทำได้ดี ไม่มีสะท้าน ใส่วิ่งเรื่อยๆ และใส่เดินได้โอเคเลย แต่ด้วยน้ำหนักของรองเท้าวิ่งรุ่นนี้ ยังคงเป็นภาระต่อขาอยู่พอสมควร ถ้าไม่ได้เป็นแนวชื่นชอบทำความเร็ว อยากได้มาสวมใส่ในทุกๆ วันก็น่าจะเหมาะกับรองเท้าวิ่งคู่นี้อยู่

อัปเปอร์ คือ จุดที่รองเท้าวิ่งรุ่นนี้เปลี่ยนแปลงมากที่สุด ก็เป็นจุดที่เราชื่นชอบมากขึ้น อย่างที่กล่าวไปด้านบนว่าในรุ่นก่อนหน้านั้นได้ใช้ Primeknit+ ทั้งหมด ทำให้ได้ความกระชับ ยืดหยุ่น แต่จะขาดความแข็งแรงไป รวมถึงยังกดหลังเท้าอีกด้วย แต่ในรุ่นนี้ได้มีการใช้ผ้าตาข่ายเข้ามาแทนและใช้ผ้าถักในส่วนที่ต้องการความกระชับและยืดหยุ่นในบริเวณหลังเท้าแทน ซึ่งการปรับรูปแบบนี้ก็จะได้ส่วนบนที่แข็งแรง ล็อคเท้าได้ดีขึ้น และเพิ่มพื้นที่ด้านในบริเวณนิ้วเท้า สวมใส่ได้สบายมากขึ้นนั่นเอง โดยเฉพาะตรงส้นเท้าก็ให้การล็อคกระชับที่ดีและไม่เสียดสีเอ็นร้อยหวายอีกด้วย

ในด้านการยึดเกาะก็ถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานของยาง Continental ยึดเกาะพื้นถนนได้ดี และได้ลองวิ่งในพื้นที่เปียกก็ยังให้การยึดเกาะที่ดีอยู่ ถือว่าเรื่องการยึดเกาะนี่สอบผ่านเลย

สรุป adidas 4DFWD 2 ดีไหม? เหมาะกับใคร?

ส่วนตัวมองว่าเป็นรองเท้าวิ่งที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถใช้งานได้จริงแล้ว โดยก่อนหน้านี้เทคโนโลยีพื้นชั้นกลาง 4D ที่ใช้ยิงเลเซอร์ไปที่ของเหลวเพื่อขึ้นรูปพื้นชั้นกลางโดยไม่ต้องใช้แม่พิมพ์เพื่อลดคาร์บอนฟุตปรินท์จากการผลิต และในอนาคตอาจจะเป็นการสั่งผลิตพื้นชั้นกลางตามรูปเท้าของแต่ละคนได้ ถือว่ามีความน่าสนใจแต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่ถือว่าใช้งานได้จริงมากนัก แต่ 4DFWD ที่ปรับปรุงมาให้นุ่มขึ้น รองรับแรงกระแทกดีขึ้น และยังช่วยผลักไปด้านหน้าเวลาวิ่ง ก็ถือว่าเป็นการปรับปรุงในทิศทางที่ดีขึ้น สามารถสวมใส่วิ่งออกกำลังกายได้จริงแล้ว แต่ก็ยังมีข้อแม้ในเรื่องของน้ำหนักตัวที่ยังหนักกว่ารองเท้าวิ่งทั่วไปอยู่ แต่สำหรับเรามองว่าไม่ได้หนักมากเกินไป หากนำมาสวมใส่วิ่งเรื่อยๆ ชิลๆ และนำมาใส่เดินเที่ยวด้วย เนื่องจากรองเท้าคู่นี้มีดีไซน์ที่สวย ดูล้ำสมัย

ใครที่สนใจ ตอนนี้ adidas 4DFWD 2 ก็วางจำหน่ายในหลายสีแล้ว ราคา 7,300 บาท ที่ อาดิดาส แบรนด์ เซ็นเตอร์, อาดิดาส สปอร์ต เพอร์ฟอร์แมนซ์, อาดิดาส แอปพลิเคชัน, อาดิดาส ออนไลน์ สโตร์ https://invol.co/clegsnl , LINE: @adidasthailand, อาริ รันนิง, แอทมอส, คาร์นิวาล, เจดี สปอร์ต, ซูเปอร์สปอร์ต และ ร้านค้าอุปกรณ์กีฬาชั้นนำทั่วประเทศ

ข้อมูลรองเท้า

—————————–

อย่าลืมกดติดตาม กดไลค์เพจ SNKR TODAY และกด Favorite ใส่รายการชื่นชอบไว้จะได้ไม่พลาดในการติดตามข่าวสารรองเท้ารุ่นใหม่ๆ 👟👟👟

ติดตามวิดีโอรีวิวรองเท้ารุ่นต่างๆ ได้ที่ https://www.youtube.com/snkrtoday

อ่านข่าวในรูปแบบเว็บไซต์ได้ที่ https://snkrtoday.com

Exit mobile version